โครงการโคล้านตัวเป็นโครงการที่ถูกพูดถึงมากว่าสิบปี มีการเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นโคแก้จน โคบาลประชารัฐ ตามยุคสมัยของการหาเสียง แต่หลังเลือกตั้งกลับไม่มีรัฐบาลไหนใส่ใจหยิบมาผลักดันอย่างจริงจัง ทั้งๆที่โครงการนี้ลงทุนน้อย ทำไม่ยาก และกระจายรายได้ทั่วถึง

คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เจ้าของไอเดีย ได้ไปเจรจาให้ภาคเอกชนช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำ โครงการต้นแบบที่ จ.สุโขทัย จัดหาแม่วัวให้ชาวบ้าน 300 ครอบครัวที่มีความพร้อมของสภาพแวดล้อมที่จะเลี้ยง หลังจากทดลองทำโมเดลต้นแบบมา 3 ปี ผลปรากฏว่าประสบผลสำเร็จ 100%

แม่วัวที่แจกจ่ายไปทั้ง 300 ครอบครัวอยู่รอด และออกลูกออกหลานมาสร้างรายได้กลับคืนหลายเท่าตัว เพราะวัวเป็นสัตว์ที่ทรหด เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย ไม่ค่อยเป็นโรค แค่เอาใจใส่พาไปกินหญ้าก็ใช้ได้แล้ว

โครงการนี้หลักการง่ายๆ เอาวัวไปเลี้ยง เอาเนื้อไปขาย

ซื้อวัวตัวละ 20,000-25,000 บาทไปเลี้ยง ต้องเป็นแม่วัวสาว เอาไปผสมพันธุ์ หรือถ้าได้แม่วัวติดท้องมาด้วยยิ่งดี แค่ 10 เดือนก็ตกลูกแล้ว หากได้เพศผู้ ก็เลี้ยงจนโตแล้วเอาไปขาย เลี้ยง 2 ปีน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม ขายได้ 30,000 บาท

หรือถ้าได้ลูกเป็นเพศเมียจะยิ่งดี เลี้ยงอีกปีเดียวลูกวัวจะเติบโตกลายเป็นแม่พันธุ์ ตั้งท้องออกลูกได้ ขณะที่แม่วัวตัวแรกก็ยังผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานได้อีกพร้อมๆกัน กลายเป็นสร้างผลผลิตทวีคูณ จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จาก 4 เป็น 8 จาก 8 เป็น 16 ถ้าตกลูกเพศผู้ เลี้ยงจนโตแล้วเอาขาย ได้เงินมาใช้จ่ายหรือจะเอาไปซื้อวัวสาวมาแทนก็ได้

เลี้ยงวัวเป็นงานที่ไม่ยากลำบาก ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือ แต่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ลงทุนไม่กี่หมื่นบาท แค่ 3-4 ปี ก็ได้จับเงินแสนแล้ว ทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้

...

คุณอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยพา สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เคยไป

ดูโครงการต้นแบบที่สุโขทัย กทบ.เลยเอามาต่อยอดทำโครงการนำร่อง 50 ล้านบาท ให้กับ 1,000 ครอบครัว โดยให้ยืมครอบครัวละ 50,000 บาท ปลอดดอกเบี้ย 2 ปี ตอนนี้ผ่านมาเกือบปี แม่วัวที่ชาวบ้านกู้เงินซื้อมาเลี้ยงได้รับการผสมพันธุ์ตั้งท้องสมบูรณ์ปลอดภัยดี ในอนาคตจะมีลูกวัว หลานวัว ให้เกี่ยวเก็บดอกผล

ตอนนี้ กทบ.กำลังตั้งแท่นทำโครงการ โคล้านครอบครัว เฟสแรกจะเอาแค่ 150,000 ครัวเรือน วงเงิน 7,500 ล้านบาท

โดยได้เจรจากับธนาคารเพื่อขอให้ปล่อยสินเชื่อไปยังกองทุนหมู่บ้านต่างๆ เพื่อให้สมาชิกกองทุนสามารถกู้ยืมได้ครัวเรือนละไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งธนาคารเอาด้วยเพราะจากสถิติการกู้เงินกองทุนหมู่บ้านถือว่ามีหนี้เสียน้อยมาก

เงื่อนไขการชำระคืนเงินกู้ ให้กองทุนหมู่บ้านชำระคืนเงินต้นครึ่งหนึ่งเมื่อครบปีที่ 2 และชำระคืนอีกครึ่งที่เหลือในปีที่ 4 หรือจะชำระคืนก่อนกำหนดก็ได้

สำหรับดอกเบี้ยจะขอให้รัฐบาลสนับสนุน ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เท่ากับว่าปีแรกรัฐบาลชำระดอกเบี้ย 225 ล้านบาท (3% ของ 7,500 ล้านบาท) ปีที่ 2 ดอกเบี้ย 225 ล้านบาท (3% ของ 7,500 ล้านบาท) ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 112.5 ล้านบาท (3% ของ 3,750 ล้านบาท) และปีที่ 4 ดอกเบี้ย 112.5 ล้านบาท (3% ของ 3,750 ล้านบาท)

รวม 4 ปีรัฐบาลจ่ายชดเชยค่าดอกเบี้ยไม่เกิน 675 ล้านบาท ถือว่าถูกมาก เมื่อแลกกับการให้โอกาสเกษตรกร 150,000 ครัวเรือนได้จับเงิน 1-2 แสนบาท

ลงทุนน้อย แต่ผลตอบแทนคุ้มค่า รัฐบาลควรรีบหยิบขึ้นมาพิจารณาอนุมัติ ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ย้อนหลังก็ได้ครับ.

ลมกรด