แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลายเป็นปัญหาโลกแตก
จากเคยโกรธกริ้ว โมโหโกรธา กลายเป็นเอือมระอา สุดท้ายยอมรับชะตากรรม
นั่นเป็นความรู้สึกของชาวบ้านตาดำๆที่โดนโทร.ก่อกวนเกือบทุกวัน!
อย่างที่เคยเขียนไป ช่วงหลังกลุ่มแก๊งขบวนการเหล่านี้ มันแน่ขนาดรู้ชื่อ นามสกุล ไปจนถึงเลขบัตรประชาชน 13 หลักของเหยื่อ?!
กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลที่คลอดมาใหม่ ไม่ได้ทำให้ขบวนการพวกนี้สะทกสะท้าน!
ทั้งที่หลายคนพยายามนักหนา เพื่อไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับใคร?
หลังพบว่าข้อมูลส่วนตัวหลุดไปถึงขบวนการเหล่านี้ต้องกลับมาเอาเท้าก่ายหน้าผาก ครุ่นคิดว่า ตัวเองพลาดตรงไหน ข้อมูลส่วนตัวถึงหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพได้
เร็วๆนี้เพิ่งถึงบางอ้อ “รองต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. แถลงผลงานตำรวจ บก.สอท. จับกุมนายตำรวจยศ “พ.ต.ต.” ตำแหน่ง สวป.โรงพักแห่งหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ระดับล่างกรมการค้าภายในส่วนภูมิภาครวม 2 คน ร่วมกันกดข้อมูลทะเบียนราษฎรของชาวบ้านไปกว่า 1,000 ครั้ง
หลังพบหลักฐานเส้นทางการเงินเกี่ยวพันกับบัญชีม้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์!
ไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มพบว่า มีเงินเข้าบัญชีนายตำรวจกับเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในทั้ง 2 คน ถึงวันละ 2 หมื่นบาท ตกเดือนละ 6 แสนบาท!
เรียกว่ารวยกันพุงปลิ้น?
เหตุการณ์นี้ “รองต่อ” เร่งอุดรูรั่วรายงานตรงถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งประสานงานกับ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ อธิบดีกรมการปกครอง
ถ้าพบการกดข้อมูล ท.ร.14 ผิดปกติให้รีบแจ้งมาทางตำรวจ จะเข้าตรวจสอบในทางลับว่า รหัส 13 หลักที่ใช้กดเรียกข้อมูลคือใคร?
คาดโทษด้วยว่า หากข้อมูลหลุดไปยังมิจฉาชีพต้องรับผิดชอบ!
...
งานนี้ดีช่วยอุดรอยรั่วจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเอง...
สหบาท