“ไทยรัฐ” จัดเสวนารอบที่แล้ว ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ผมไปตามประสา...นั่งรถไฟฟ้า นั่งเรือ ถึงงานทุ่มตรง...จึงรู้ว่า คุณสุภกิต เจียรวนนท์ จากซีพี เพิ่งกลับไป หลังถามหาและรอพักใหญ่งานไทยรัฐฟอรัม ที่โรงแรมนิกโก้ รอบนี้เมื่อพุธที่แล้ว ผมอยากแก้ตัว รีบไปก่อนเวลาชั่วโมงกว่า คราวนี้เจอสถานการณ์ใหม่...คุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งผมรู้จักข้างเดียว เดินผ่านตาแก่แปลกหน้า ยกมือไหว้ผมมีมุกประจำตัว...เมื่อมีคนบอก อ่าน “ชักธงรบ” “คุณเป็นคนอนาคตไกล” ได้ทีงัดมุกนี้ใช้อีก “ดีใจที่ได้เจอ ว่าที่นายกฯ” มุกรับคุณเศรษฐา เล่นเอาผมใจหาย “อ่านกิเลน แต่ยอมรับ ตีความตอนจบไม่ออก”ทันทีผมก็ประเมินนิสัยคุณเศรษฐา คนแบบนี้ปากกับใจตรงกัน ถ้าเป็นผู้นำชาวบ้านน่าจะพอพึ่งได้ข้อทักว่าผมเขียนหนังสืออ่านไม่รู้เรื่อง คนอื่นๆก็ทักบ่อยๆ ไม่มีข้อแก้ตัวครับ คนเขียนหนังสือนั้น หากเขียนเรื่องให้คนอ่านไม่เข้าใจ ก็ต้องสารภาพผิดสถานเดียววันนี้ ผมมีเป้า...ที่จะกระทบ...สองเรื่องที่เป็นข่าว สวัสดิการบ้านทหารบก ที่โกงกันจนทำให้เกิดแรมบ้า ฆ่าคนตายไปโขยงใหญ่ที่โคราช เรื่องตำรวจโรงพักขโมยปืนหลวงกว่าร้อยกระบอกไปขาย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาโดยปกตินิสัย ผมไม่กล้าด่าตรงๆ ยิ่งกับตำรวจ ทหาร ที่โบราณย้ำสอนว่า เป็นหนึ่งในห้าสิ่งที่ “อย่าไว้ใจ” ผมก็ยิ่งไม่กล้า ก็ตามเคย ค้นหนังสือหลายเล่ม หาเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ เอามาเล่า“เกร็ดภาษาหนังสือไทย” เล่ม 2 (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 7 พ.ศ.2553) อาจารย์ ส.พลายน้อย อธิบายที่มาและความหมายของคำ จำพวก เถร ชีคำแรก “ชีโพน” ส.พลายน้อย เล่าว่า เดือน ก.ย. พ.ศ.2541 ไปท่องเที่ยวฟื้นความหลัง ที่อำเภอผักไห่ พระนครศรีอยุธยา มีคนถาม “ชีโพน” แปลว่าอะไร อยากตอบว่า ครั้งหนึ่งสถานที่สร้างวัด เคยมีชีมาโพนช้าง ก็ไม่แน่ใจจึงเพียงเล่าไปว่า เดิมวัดนี้ชื่อวัดชีตาเห็น แต่ผู้รู้บาลีหวนทักว่าผวนคำแล้วหยาบ จึงเปลี่ยนเป็นชื่อวัดชีโพนวัดนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในสมัย ร.5 อ้ายอ่วมอกโรย หัวหน้าโจรดัง ถูกจับประหารด้วยการผ่าอกคนไทยใกล้ชิดกับพระเถรเณรชีมาก ชื่อเหล่านี้จึงติดปาก มีอะไรเกิดขึ้นก็นึกถึง เช่นคำอุทานเมื่อตกใจของคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อน “คุณพระช่วย” “ตาเถรช่วย” จนไปถึง “ตาเถรตกน้ำ”ใน “รำพันพิลาป” สุนทรภู่ เคยเขียนว่า เดินทางไกลไปหาขุมทรัพย์ เพราะได้ลายแทงมาจากตาเถรวลี “พระเถรเณรชี” เถรอยู่กลางคำพระกับเณร แสดงว่าเถรต่ำกว่าพระสูงกว่าเณรสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ บอกสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯว่า เถรเป็นพวกครึ่งพระครึ่งเณร อาศัยตามศาลามุขหน้าโบสถ์ หลังโบสถ์ พระระเบียง โดยมากพึ่งพระสงฆ์ ขอผ้าเหลืองและอาหารที่เหลือไปบริโภคทำงานให้พระสงฆ์ตามใจสมัคร ไม่ปรากฏว่าถือศีลอย่างไร หรืออาจไม่ถือเลย ความประพฤติเอาแน่ไม่ได้ ที่ดีเหมือนพระก็มีคนเคารพนับถือ ที่สูบกัญชาก็ไม่มีคนนับถือตาเถรใช้ผ้าเหลือง ยายชีใช้ผ้าขาว อยู่ในวัดเหมือนกัน จึงมักมีเรื่องให้เด็กวัดนินทา ผมจำได้เป็นคำคล้องจอง “ตาเถรกับยายชี นั่งเล่นจ้ำจี้อยู่ใต้ต้นโพธิ์ ฯลฯ”ทั้งพระเถรเณรชี...ถ้าเป็นพวกแก่วัด ใช้คำว่าหลวงนำหน้า เมื่อมีเรื่องที่ชาวบ้านเอาไปซุบซิบนินทา ก็เหมาเอาเป็นความผิดของสมภาร จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ยังใช้กันถึงวันนี้“สมภารไม่ดี หลวงชีสกปรก”เขียนเรื่องเถรชีมาถึงตรงนี้ ผมก็จะได้ทีสรุป ย้อนเหน็บท่านสมภาร...สมภารทหาร สมภารตำรวจ ไปถึงสมภารประเทศ ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรีทหารตำรวจเหลวไหลเลื่อนเปื้อนกันนักหนา เพราะสมภารท่านไม่ดี เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แล!กิเลน ประลองเชิง