นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยว่า ความต้องการบริโภคถั่วเหลืองในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการสกัดน้ำมันถั่วเหลืองและอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปี 2563 มีความ ต้องการใช้เมล็ดถั่วเหลืองถึง 3,763,823 ตัน แต่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 22,800 ตัน ผลิตได้ไม่ถึง 1%ของความ ต้องการใช้ ปี 2564 เรามีพื้นที่ปลูก 88,010 ไร่ ให้ผลผลิตรวม 23,482 ตัน ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 267 กก. “เพื่อให้ได้พันธุ์ถั่วเหลืองที่ให้ผลผลิตสูง ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่อง และได้รับรองพันธุ์ถั่วเหลืองเพื่อแนะนำให้เกษตรกรเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตมาโดยตลอด แต่เนื่องจากผลกระทบของสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พันธุ์เดิมให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร วันนี้ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สามารถตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ให้ถั่วเหลืองพันธุ์ใหม่ “กวก. เชียงใหม่ 7” เป็นพันธุ์แนะนำในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565”อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผยถึง ลักษณะเด่นของถั่วเหลืองพันธุ์ “กวก. เชียงใหม่ 7” ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ยไร่ละ 304 กก. สูงกว่าพันธุ์เชียงใหม่ 60 ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 281 กก. และสูงกว่าพันธุ์เชียงใหม่ 6 ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 275 กก. การเจริญเติบโตเป็นแบบกึ่งทอดยอด รูปร่างเมล็ดสวยค่อนข้างกลม เปลือกเมล็ดสีเหลือง และขั้วเมล็ดสีน้ำตาล อายุออกดอก 38 วัน อายุเก็บเกี่ยว 93 วัน ความสูง 58 ซม. จำนวนกิ่ง 1-2 กิ่งต่อต้น จำนวนฝัก 34 ฝักต่อต้น จำนวนเมล็ดต่อฝัก 2.24 เมล็ด น้ำหนัก 100 เมล็ด 13.59 กรัม ให้ปริมาณน้ำมันในเมล็ด 20.9 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณโปรตีน 35.3%เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองในฤดูแล้ง จังหวัดเชียงใหม่ แพร่ น่าน สุโขทัย ขอนแก่น และเลย และในฤดูฝน จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนปัจจุบัน ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ได้ทำการขยายเมล็ดพันธุ์เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรในเบื้องต้น 500 กก. สามารถปลูกได้ในพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ และจะทำการผลิตเมล็ดพันธุ์เพิ่มขึ้นในปีต่อไป เกษตรกรที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ โทร.0-5349-8536.