นายชาติวุฒิ วังวล ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัญหาของคนไทยที่น่าจับตามองในปี 2565 ความเครียดสะสมเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิตคาดการณ์ไว้ว่า 1 ปีหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มดีขึ้น แนวโน้มของการฆ่าตัวตายในปี 65 กลับจะสูงถึง 10 เท่าจากปกติ เนื่องจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ทำให้เกิดความเครียด และหมดความหวังในการดำเนินชีวิต สสส. เห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น ได้จัดกิจกรรม ThaiHealth Watch 2022 The Series ในหัวข้อ “เรื่องใจเรื่องใหญ่” เปิดพื้นที่แชร์ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ สร้างความรู้ความเข้าใจด้านอารมณ์ แนะแนวทางป้องกันและดูแลตนเอง มุ่งเสริมภูมิคุ้มใจ ฟื้นฟูภาวะเครียดสะสมของคนไทยให้ดีขึ้น

ผศ.ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความเครียดสะสม สามารถสังเกตได้จากการคัดกรองตัวเองเบื้องต้น ทั้งด้านความคิด พฤติกรรม อารมณ์และความรู้สึก อาทิ ความคิดเชิงลบในชีวิตประจำวัน นอนไม่หลับไม่ทราบสาเหตุ อาการไม่อยากเข้าสังคม วิตกกังวลกับความสัมพันธ์คนใกล้ตัว หรืออารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ท้อแท้หมดหวัง รู้สึกไร้ค่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เมื่อพบว่ามีอาการเครียดสะสม ต้องรีบดูแลใจตัวเอง หรือเข้ารับคำปรึกษาอย่างถูกวิธีจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากอาการสะสมเป็นเวลานาน อาจจะพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพจิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับ สสส. พัฒนาโครงการ Here to Heal ขึ้นเพื่อให้ผู้มีอาการด้านสุขภาพจิตสามารถปรึกษาผ่านนวัตกรรมออนไลน์ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Here to Heal ที่สามารถพูดคุยทางแชตได้สะดวก รวดเร็ว โดยให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.

...

นางสาววิภาดา แหวนเพชร อาจารย์ประจำสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า สิ่งรอบข้างกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความเครียด แต่ความสุขคืออาวุธสำคัญในการต่อสู้กับความเครียด ซึ่งทุกคนสามารถสร้างภูมิคุ้มใจได้ง่ายๆ ด้วยการมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน Mindset การคิดแบบเปิดกว้าง มองโลกในแง่บวก รวมถึงเครื่องมือ Self-Check in ที่ช่วยทบทวนตารางชีวิต เพื่อหาความสุขประจำวัน ผ่านกิจกรรมที่ชอบอย่างน้อย 10-30 นาที อาทิ ออกกำลังกายด้วยการ Cardio แบบง่ายๆ คิดถึงสิ่งที่มีความสุข หรือทำสมาธิ.