มาตรการปลดล็อกของรัฐบาลดำเนินมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แม้จะมีการเน้นย้ำถึงการป้องกันตนเอง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย และฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่ล่าสุดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับดูเหมือนจะกำลังเพิ่มมากขึ้น เหมือนเมื่อครั้งการระบาดในช่วงแรกๆ
พญ.โซเมีย สวามีนาตัน (Soumya Swaminathan: MD) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ข้อมูลเมื่อเร็วๆนี้ว่า โรคระบาดยังไม่จบ และเรายังไม่ปลอดภัยจากการระบาดของ COVID-19 หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำ WHO บอกว่า องค์การอนามัยโลกกำลังติดตาม โควิดสายพันธุ์ BA.2.75 ที่กำลังระบาดหนักในอินเดียและอีกหลายประเทศ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะประกาศว่า BA.2.75 เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลหรือต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะยังเร็วเกินไปที่จะวัดการแพร่กระจาย ความรุนแรง และศักยภาพในการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันของเชื้อตัวนี้ นอกจากพบการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม 9 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับ สายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังระบาดอยู่

...
การให้สัมภาษณ์ของตัวแทน WHO ดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลัง นพ.เชย์ เฟลซอน (Shay Fleishon) ประจำห้องปฏิบัติการกลางของ Sheba Medical Center ออกมาระบุว่า มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอนแล้วใน 12 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นด้วย
เฟลซอน บอกว่า แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า BA.2.75 คือ สายพันธุ์หลักที่อาจทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และน่าตกใจ ที่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของไวรัสตัวเล็กๆ อาจเป็นการพยากรณ์แนวโน้มที่จะมาถึงได้

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับการเปิดเผยล่าสุดของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ที่ระบุว่าสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 หรือที่บางคนเรียกว่า Centaurus “เซนทอร์ หรือเซนทอรัส” บน Twitter ได้เริ่มระบาดมาถึงสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการระบาดเริ่มต้นที่แอฟริกาและอินเดีย
Dr.Bruce Walker ผู้อำนวยการสถาบัน Ragon Institute of MGH, MIT และ Harvard ซึ่งเป็นสถาบันทางการแพทย์ และเป็นหัวหน้าร่วมของ Massachusetts Consortium on Pathogen บอกว่า สายพันธุ์ดังกล่าวทำให้วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์เข้าใจถึงความสามารถของไวรัสในแง่ของการกลายพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อไวรัสยังเป็นไวรัสที่มีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนเล็กน้อย ทำให้กลายเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มที่จะสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้
Dr.Stuart Ray ศาสตราจารย์ด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ แห่ง Johns Hopkins Medicine กล่าวว่า ไวรัสตัวนี้มีรูปแบบที่เราเห็นเป็นระยะๆ และมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เรากังวลแต่จนกว่าเราจะ เห็นการระบาด ในพื้นที่ที่หลาก หลาย เราถึงจะเข้าใจมันมากขึ้น

สอดคล้องกับความเห็นของ Dr.Daniel Kuritzkes หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อที่ Brigham and Women’s Hospital และศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่ Harvard การได้เห็นรูปแบบต่างๆ มากมายของการระบาดจากตระกูลสายพันธุ์โอมิครอน อาจจำเป็นต้องเห็นเคสจำนวนมากขึ้นในหลายพื้นที่ เพื่อให้รู้ว่านี่เป็นข้อกังวลที่สำคัญอย่างแท้จริง ขณะที่ Dr.Dan Barouch ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ที่ Harvard Medical School และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไวรัสและวัคซีน บอกว่า การกลายพันธุ์สายพันธุ์ BA.2.75 บางอย่างเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และมีบางอย่างที่เรายังไม่รู้ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องทำการศึกษา แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความรุนแรงที่ทำให้ต้องตื่นตระหนก
...
ขณะเดียวกัน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า คาดว่าอีกไม่นานไวรัสสายพันธุ์ BA.2.75 จะมีการพูดถึงในสื่อมากขึ้น ข้อมูลตอนนี้พบไวรัสสายพันธุ์นี้ในอินเดียเป็นส่วนใหญ่ แต่พบว่าหลายประเทศมีการรายงานไวรัสสายพันธุ์นี้แล้ว เช่น ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ไวรัสสายพันธุ์นี้ได้รับความสนใจด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ เพราะมีการกลายพันธุ์เพิ่มถึง 9 ตำแหน่งบนโปรตีนหนามสไปค์ (เทียบกับ BA.4/BA.5) เป็นการเปลี่ยนกลับจากโอมิครอนไปเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิม และเป็นตำแหน่งที่ทำให้ไวรัสหนีภูมิจากการจับของแอนติบอดีได้มากขึ้น และข้อมูลของจำนวนตัวอย่างไวรัสที่ถอดรหัสในอินเดียพบการเพิ่มจำนวนของสายพันธุ์นี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะใน รัฐมหาราษฏร์ ซึ่งถ้าจำได้ เป็นถิ่นกำเนิดของสายพันธุ์อย่างเดลตามาก่อน และมีแนวโน้มว่า BA.2.75 จะระบาดได้เร็วกว่า BA.5.