แฉปมคดีฆ่าสามี-ภรรยาที่ไต้หวัน มาจากเงิน 8 แสนบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาทถูกขโมย หลังพี่ชาย “ล่ามมี่” หอบหลักฐานให้ข้อมูลกับตำรวจ บช.ภ.5 พบป้วนเปี้ยนใน อ.ไชยปราการ และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ สอดคล้องกับญาติผู้ต้องสงสัยยืนยันเจ้าตัวยืมรถเก๋งวอลโว่ของพ่อขับหายไปตั้งแต่เย็นวันที่ 9 มิ.ย. ด้าน “บิ๊กปั๊ด” ผบ.ตร. ยันคดีนี้แม้เกิดขึ้นนอกประเทศหากผู้ก่อเหตุมีสัญชาติไทย สามารถจับตัวมาดำเนินคดีในไทยได้ ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนพบเบาะแสล่าสุดอยู่ที่ จ.พิษณุโลก

จากกรณีสำนักข่าวท้องถิ่นของไต้หวัน รายงานเหตุสะเทือนขวัญสามี-ภรรยาชาวไทยพร้อมลูกแฝดในท้อง ถูกนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน เพื่อนร่วมชาติใช้แท่งเหล็กทุบตามร่างกายและศีรษะจนเสียชีวิต ก่อนนำศพทั้งคู่ไปยัดท้ายรถบีเอ็มดับบลิว X 4 สีขาว แล้วขับไปจอดทิ้งหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูง เถาหยวน เมืองซินเป่ย ทางตะวันตกของกรุงไทเป ส่วนนายสันติ หรือหยาง ผู้ก่อเหตุหลบหนีกลับเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. คาดเหตุจากผลประโยชน์ธุรกิจจัดหาแรงงานและเรื่องหนี้สิน ตำรวจไทยอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี หลังพบเบาะแสผู้ก่อเหตุเดินทางกลับภูมิลำเนาที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เขตพื้นที่รับผิดชอบตำรวจ บช.ภ.5

ความคืบหน้า ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภ.5) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชายของล่ามมี่-น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ ที่ถูกฆ่าพร้อมสามีที่ไต้หวัน เข้าพบ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 และ พ.ต.อ.สมบูรณ์ ถือคุณ ผกก.ฝ่ายกฎหมาย บช.ภ.5 เพื่อขอให้ตำรวจติดตามจับกุมนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ก่อเหตุคดีนี้ หลังชาวบ้านเห็นนายสันติ หรือหยาง ป้วนเปี้ยนอยู่ใน อ.ไชยปราการ และ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

...

นายยิ่งยศให้ข้อมูลกับตำรวจว่า น้องสาวและผู้ก่อเหตุสนิทกันมาก โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กก่อนที่น้องสาวจะสอบชิงทุนไปเรียนที่ไต้หวันตั้งแต่อายุ 16-17 ปี และมีครอบครัวจนได้สัญชาติไต้หวัน ส่วนนายสันติเพิ่งไปไต้หวันได้เพียง 2 ปี ยังเคยไปกักตัวที่บ้านน้องสาวก่อนได้งานทำ ทั้งคู่สนิทกันมากถึงขั้น รู้รหัสประตูเข้าบ้าน ยืมสร้อยทองมาใส่ได้และน่าจะทำธุรกิจร่วมกัน ก่อนเกิดเหตุน้องสาวโทร.มาปรึกษาหลังถูกแรงงานไทยคนหนึ่งขโมยเงิน 8 แสนบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท เชื่อว่าปมที่นายสันติลงมือฆ่าน้องสาวพร้อมลูกในท้องและสามีน่าจะมาจากเรื่องเงินแน่นอน ครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแบบนี้ขึ้นและคนที่ลงมือฆ่าเป็นคนที่สนิทมากเป็นญาติห่างๆ ปกตินายสันติเป็นคนที่พูดและโน้มน้าวใจคนอื่นเก่ง ไม่น่าจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมแบบนี้ ส่วนศพของน้องคงจะทำพิธีที่ไต้หวัน ในวันที่ 16 มิ.ย. ก่อนนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านตามประเพณี

“ผมเห็นคลิปบางส่วนที่ตำรวจไต้หวันส่งมาให้ญาติดู เห็นชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครใช้เวลาก่อเหตุอย่างไร รู้สึกสะเทือนใจมาก ขอฝากถึงคนร้ายว่ากรรมใครกรรมมัน ยิ่งรู้ว่าคนร้ายเข้ามาในประเทศไทย ผมและญาติพี่น้องก็เริ่มหวั่นๆ จึงมาร้องขอให้ตำรวจผบช.ภ.5 ช่วยเหลือติดตามจับกุม” นายยิ่งยศกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า พี่ชายของผู้เสียชีวิตเข้ามาปรึกษาในส่วนการดำเนินการของตำรวจกับผู้ต้องหา ให้ข้อมูลไปว่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับตำรวจไต้หวันอยู่ระหว่างประสานงานกันอยู่เพื่อดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ ที่นายยิ่งยศมาพบเพราะทราบผู้ต้องหาเดินทางกลับมาในพื้นที่มาให้ข้อมูลและสอบปากคำไว้เพื่อใช้เป็นแนวทางสืบสวน ผู้ต้องสงสัยมีภูมิลำเนาตามบัตรอยู่ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แต่บ้านเกิดจริงๆอยู่ที่บ้านใหม่หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ตำรวจต้องเข้าไปพิสูจน์ทราบต่อไป

บ่ายวันเดียวกันที่บ้านพ่อของนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ที่หมู่บ้าน จัดสรรแห่งหนึ่ง หมู่ 4 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พบเพียงพี่เขยของนายสันติอยู่ในบ้าน ให้ข้อมูลว่าเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 9 มิ.ย. นายสันตินั่งรถตู้มาหาที่บ้านอ้างว่าคิดถึงลูก ก่อนขอยืมรถเก๋งวอลโว่ของพ่อนายสันติขับออกไปไม่ทราบจุดหมาย จากนั้นติดต่อไม่ได้อีก กระทั่งมาทราบข่าวว่านายสันติไปก่อเหตุฆ่าคนตายที่ไต้หวัน

วันเดียวกันที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีทางการไต้หวันขอความร่วมมือตำรวจไทยในการติดตามจับกุมนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีนี้ว่า เบื้องต้นสั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐานจากตำรวจไต้หวันที่ประสานกับตำรวจกองปราบฯขณะนี้ ส่วนการที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปร้องกับตำรวจ ผบช.ภ. 5 ไปแล้วนั้น สามารถนำมารวมคดีให้กองปราบฯดำเนินการเป็นเจ้าของคดีได้และจะนำพยานหลักฐานจากตำรวจไต้หวันไปขอศาลอนุมัติหมายจับ คดีนี้จะให้กองปราบฯรับผิดชอบตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี

“คดีนี้เหตุเกิดนอกราชอาณาจักร แต่ถ้าคนร้ายเป็นคนไทยหนีมาอยู่ในประเทศไทย สามารถจับกุมมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้เลย ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาถือสัญชาติไทย-ไต้หวันนั้น ตำรวจสันติบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่หากมีสัญชาติไทยสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมายไทยในข้อหาฆาตกรรม ขณะนี้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามจับกุมและป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ” พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า นายสันตินั้นพื้นเพเป็นชาว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ตรวจสอบพบว่าพ่อของนายสันติเคยเป็นทหารของพรรคก๊กมินตั๋งที่หลังจากแตกทัพได้หลบหนีเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ทำให้นายสันติได้รับสิทธิเป็นพลเมืองของไต้หวัน เพราะถือว่าพ่อเคยเป็นทหารของผู้ก่อตั้งไต้หวันมาก่อน ส่วนแนวทางการสืบสวนเชื่อว่า

...

นายสันติยังคงหลบอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากมีผู้พบรถเก๋งวอลโว่ของบิดานายสันติวิ่งเข้ามาในเขต จ.พิษณุโลก ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้