ราวๆปี 2516 เรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต ชื่อ “นาฏกรรมในเกลียวคลื่น” ของผม ลงพิมพ์ใน “ยะลาสาส์น” วัดผลด้วยเรื่องนี้ อยากจะเรียกตัวเองว่า “นักเขียน”
แต่ก็ยังมีหลายเหตุปัจจัย เรียกได้ไม่เต็มปาก
ข้อแรก ยะลาสาส์น ไม่ใช่นิตยสารเอกชนที่มี บก.คัดเรื่อง แต่เป็นของราชการ แม้ บก. เป็นปลัดจังหวัดมีคำนำหน้าว่า ดร. วุฒินี้ยุคนั้นมีน้อย และดูน่านับถือมาก
เรื่องที่ บก.ระดับ ดร.ผ่าน น่าจะถือเป็นมาตรฐานที่ดี...แต่นี่ไม่ใช่...เรื่องลงแล้ว คุณทวีวัฒน์ โกศัยกานนนท์ ผู้ตรวจราชการจังหวัด กระซิบให้ฟัง ท่านปลัดไม่เชื่อว่าเรื่องนี้ผมเขียนเอง
เอาละวา! นี่คือข้อกล่าวหาใหญ่
แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ชัดนัก...เป็นแค่ท่าน ดร.เคยอ่าน แต่ไม่ระบุลอกจากเรื่องอะไร นักประพันธ์คนไหน?
ระหว่างวุ่นว้า! ผมก็มักเล่าให้เพื่อนฟัง...ปี 2512 เกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ สะเทือนกันไปทั้งปากอ่าวแม่กลอง เรืออวนลากเดี่ยวของเฮียโอป่าวิ่งออกจากท่าแฉลบ จมหน้าเกาะช้าง คน 12 คนในเรือ รอดได้ 6 คน
เฮียโอป่า กับโอตี่ น้องชาย (คนนี้เพื่อนผมเอง บวชพระวัดบ้านแหลมพรรษาเดียวกัน) กับลูกเรืออีก 4 สี่ห้าวันแรก ยังตามหาศพกัน ศพแรก ถึงศพที่ห้า ถูกเอาไปเผาแบบตามมีตามเกิดที่วัดแถวท่าแฉลบ
ถึงศพที่หก...ศพสุดท้าย สภาพศพ ผมเผ้าเนื้อหนังเว้าแหว่งเพราะปลาตอด...ถ้าไม่มีนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ข้อมือ ก็คงไม่มีอะไรจะบอกว่า เป็นศพเฮียโอป่า
ศพถูกนำมาตั้งสวดใหญ่โต ตามฐานะเถ้าแก่เรืออวน...ที่วัดประทุมฯ ใกล้บ้าน
ผมไปไหว้ศพพร้อมเพื่อนคนที่เป็นเอ็นจิเนียร์ หนึ่งในหกที่รอด เพื่อนเล่าว่า เหตุที่เรือจมเพราะเขาเผลอหลับ ปล่อยปั๊มน้ำออกจากท้องเรือ กลไกพลิกกลับ ดูดน้ำเข้า รู้อีกทีน้ำก็เต็มท้องเรือ...
...
ตอนเรือจม ยังมีเวลาเตรียมหาของในเรือ แผ่นฝาห้องเย็น ลูกโป่งไฟเบอร์ อะไรก็ได้ทำเป็นทุ่นประคองตัวให้อยู่บนน้ำ เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เช้าที่เรือจม จนถึงบ่ายแก่ๆ
เกาะช้างสูงตระหง่าน เห็นเป็นสีครึ้มเขียวตรงหน้า ระยะใกล้ไกล แค่ไหน...ไม่รู้
เฮียโอป่าชวนโอตี่และลูกเรืออีกสี่ บอกคนที่รอ...จะว่ายน้ำไปหาเรือที่เกาะมารับ...แล้วเฮียโอป่าและทุกคนก็ไม่กลับมาอีก
ราวหนึ่งทุ่มวันเดียวกัน เรือแดงเจริญ เรืออวนลากคู่ มาหยุดกู้อวน เปิดไฟสว่าง “จุมโพ่” คนอีสาน พ่อคนครัวประจำเรือ ถูกช่วยให้รอดเป็นคนแรก...
เรื่องจริงที่ฟังกับหู ผมเอามาต้มยำทำแกง...สลับเอาตัวจุมโพ่อีสาน ที่เป็นศพที่ถูกเผาแบบอนาถาที่วัดแถวท่าแฉลบ...เฮียโอป่าถอดโรเล็กซ์ฝากไว้...มาเป็นศพบนหีบทองเหนือโต๊ะหมู่ดอกไม้สด...ตรงหน้า
ผมเขียนให้ตัวเองเป็นเอ็นจิเนียร์คนกลางที่เห็นฉากนี้ และจบ “นาฏกรรมในเกลียวคลื่น” ตรงนั้น
ต่อมา ความวุ่นว้าจากข้อหาลอกเรื่องคนอื่นก็หมดไป
อีกกว่าสิบปีผมเพิ่งได้อ่านเรื่อง เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก ของ “อาจินต์ ปัญจพรรค์” พี่จินต์ตีพิมพ์ก่อนเรื่องผมนานแสนนาน
ทั้งกลวิธีภาษา เนื้อหา และปรัชญาชีวิต ระหว่างอภิมหาเศรษฐีกับกะลาสีเรือ ในเรือลำน้อยกลางทะเล...“พี่จินต์” เขียนได้แบบครู ลึกซึ้งซับซ้อน แยบคาย น่าประทับใจเสียจนผมแปลกใจ
คนระดับ ดร.เผลอเอาเรื่องดาษๆ พออ่านรู้เรื่องของผม ไปเทียบได้อย่างไร
ก็พอเดาได้ มนุษย์ทุกคนเกิดพร้อมอคติ ที่มักตัดสินคนจากเปลือกนอกมากกว่าแก่นใน
แต่ผลสะเทือนจากข้อกล่าวหา ลอกเรื่องคนอื่นเขามา ทำให้ผม ไม่ยอมเขียนเรื่องสั้นเรื่องต่อๆไป เพิ่งมาคิดได้ ผมถูกคนอื่นตัดสินแต่ผมเผลอตัดสินซ้ำเติมตัวเองเสียยิ่งกว่า
มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้ สุขทุกข์ ผิดหวังสมหวัง...ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นได้จากใจตัวเอง
เขียนถึงตอนนี้ ผมยังไม่แน่ใจ คณะกรรมการรางวัลศรีบูรพาปีนี้ ตัดสินให้รางวัลถูกคน.
กิเลน ประลองเชิง