เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ปี 2565 โดยมีการจัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 73 ราย ที่ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 7 ปี และได้รับเลือกเป็น อสม.ดีเด่นระดับชาติ พร้อมมอบรางวัล อสม.ดีเด่นระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับภาค 12 สาขา โดยนายอนุทินกล่าวว่า สธ.ตั้งนโยบาย 3 หมอ โดย อสม.เป็นหมอคนแรก ช่วยให้ความสะดวกแก่คนไข้ ลดภารกิจบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกิจกรรมต่างๆในชุมชน รวมถึงรณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้คนมาฉีดวัคซีนโควิด-19 ขณะเดียวกัน อสม.ก็มีสิทธิที่จะได้รับการดูแลเช่นบุคลากรสาธารณสุข เมื่อแพทย์พยาบาลได้วัคซีนโควิด 4 เข็ม อสม.ก็ต้องได้ 4 เข็ม เพื่อปลอดภัยต่อสุขภาพ

นายอนุทินกล่าวว่า สธ.มีสถาบันพระบรม ราชชนก (สบช.) ที่ผลิตพยาบาล มีวิทยาเขตแทบทุกจังหวัด เราตระหนักหน้าที่ อสม.หมอคนแรก จึงต้องทำให้มีความเชี่ยวชาญเรื่องการดูแลรักษาคนไข้ จึงจัดหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล คัดเลือก อสม. จากทั่วประเทศมาเข้ารับการศึกษา 3 พันคน เป็นการเพิ่มศักยภาพ ประสิทธิภาพ ความชำนาญ อสม.ในการดูแลประชาชน นอกจากนี้จะพัฒนาให้มีโอกาสรับการศึกษาในหลักสูตรที่สูงขึ้น

รมว.สธ.กล่าวด้วยว่า สธ.รายงานต่อ ครม.ผ่านนายกรัฐมนตรีเสมอ ให้ทราบถึงความทุ่มเทเสียสละของ อสม. ทำให้สถานการณ์โควิดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อสม.หลายคนบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่มาตรฐานการทำงานยังเต็มที่ นายกฯก็พูดว่าท่านแพ้ใจ อสม.จึงต้องมีค่าเสี่ยงภัย ซึ่งไม่อยากใช้ว่าเป็นค่าตอบแทน เพราะ อสม.ทำด้วยจิตอาสา จึงต้องจัดหมวดงบค่าเสี่ยงภัยมาดูแล เพราะตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านก็มีความเสี่ยง ไม่ใช่แค่โรค แต่รวมถึงอุบัติเหตุด้วย ถ้าไม่มี อสม.เราลำบากแน่ เพราะเรามีแพทย์ไม่ถึง 1 แสนคนทั่วประเทศ พยาบาล 1-2 แสน บุคลากรทั้งหมด 4 แสนคน ดูแลประชากร 70 ล้านคนอย่างไรก็ไม่ไหว แต่เราได้ อสม.อีก 1 ล้านคนมาช่วยแบ่งเบาภาระและได้รับความร่วมมือจากประชาชนป้องกันตนเอง จึงประคับประคองประเทศผ่านโควิดได้ตลอด และมั่นใจจะผ่านช่วงวิกฤตการณ์นี้ไป เพราะฉะนั้นเราควรดูแลสวัสดิภาพ อสม.ต่อไป นายกฯก็พูดชัดเจนว่า รัฐบาลจะดูแลเรื่องค่าเสี่ยงภัยจนกว่าโควิดจะหมดไปหรือเป็นโรคประจำถิ่น.

...