วาเลนไทน์ยุคโควิดยังซบเซา ผู้ค้าดอกไม้สด ปากคลองตลาดบ่นอุบ ราคาดอกกุหลาบปีนี้ พุ่งหลายเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกุหลาบนำเข้าจากฮอลแลนด์-จีน จนลูกค้าหดหาย ยอดสั่งซื้อหน้าร้านลด ด้าน ตร.ห่วงใยเด็กและเยาวชนอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ทั้งการคุกคามทางเพศ ค้ายา ค้ามนุษย์ แนะใช้หลัก 4 เลี่ยง ลดโอกาสผู้ที่ไม่หวังดีก่อเหตุอาชญากรรม
เป็นประจำทุกปีกับวันที่ 14 ก.พ. จากวันรำลึกถึงเซนต์ วาเลนไทน์ นักบุญในคริสต์ศาสนาที่ต่อมากลายเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักของคนทั่วโลก ที่มีการส่งดอกไม้ ขนมและการ์ดแสดงความรักความห่วงใยถึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกกุหลาบ กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ทำให้มีราคาแพงกว่าปกติ ผู้สื่อข่าวออกสำรวจตลาดขายส่งดอกไม้ ศูนย์รวมดอกไม้สด และอุปกรณ์จัดแต่งช่อดอกไม้แหล่งใหญ่ของกรุงเทพฯ อย่างปากคลองตลาด เมื่อวันที่ 12 ก.พ. พบว่าร้านขายดอกไม้ต่างๆได้เตรียมดอกกุหลาบและของขวัญวันวาเลนไทน์มาวางขายไว้จำหน่ายอย่างมากมายราคาขายปลีกแบบดอกเดี่ยว มีราคาตั้งแต่ 50-100 บาท ส่วนราคาจัดช่อ ราคาเริ่มต้นที่ 150 ไปจนถึง 1,000 บาท ราคาขายส่งอยู่ที่กำ 50 ดอก กำละ 500-900 บาท ตามเกรดและแหล่งที่มาของดอกกุหลาบ โดยเฉพาะกลุ่มดอกกุหลาบดอกใหญ่ก้านยาว สีชมพู สีขาวอมเขียว หรือขาวแอบเปิล สีโอลด์โรส และสีแดง ที่นำเข้าจากฮอลแลนด์ จีน และดอกกุหลาบดอกใหญ่จากเชียงใหม่ยังเป็นที่นิยมสูงสุดตามลำดับ
ส่วนบรรยากาศการจับจ่ายซื้อดอกไม้เป็นของขวัญในเทศกาลวาเลนไทน์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลับไม่คึกคักเหมือนปีที่ผ่านมา แม่ค้าพ่อค้าขายดอกกุหลาบต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดสั่งซื้อดอกกุหลาบหน้าร้านลดลงอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา ทำให้หลายคนระมัดระวังการใช้จ่าย ประกอบกับราคาดอกกุหลาบนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาปรับสูงขึ้นอย่างมาก ดอกกุหลาบสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ปรับราคาขึ้นจากกำละ 200 บาท เป็นกำละ 700-800 บาท กุหลาบนำเข้าจากจีนปรับราคาขึ้นจากกำละ 350 บาท เป็นกำละ 500 บาท ขณะที่ราคากุหลาบดอกเล็กปรับราคาขึ้นจากกำละ 180 บาท เป็นราคากำละ 500 บาท ทั้งนี้ เจ้าของร้านอัญชัญดอกไม้สด กล่าวว่า แม้ยอดสั่งซื้อดอกกุหลาบหน้าร้านจะลดลงอย่างมาก ดอกกุหลาบสีแดงยังคงเป็นที่นิยมของกลุ่มคนที่มาเลือกซื้อดอกไม้สื่อถึงความรัก เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่สั่งจองสั่งซื้อช่อดอกไม้ของขวัญในวันวาเลนไทน์ทางออนไลน์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
...
วันเดียวกัน พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.พ. เป็นวันแห่งความรัก หลายประเทศทั่วโลกมักใช้เป็นโอกาสแสดงออกถึงความรักตามวัฒนธรรมของโลกตะวันตก รวมถึงในประเทศไทยคนวัยหนุ่มสาว หรือเด็กและเยาวชนนิยมออกไปท่องเที่ยว นัดพบปะกันในสถานที่ต่างๆ บางแห่งอาจเป็นพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดภัยอันตราย การคุกคามทางเพศ หรือการกระทำที่ไม่เหมาะสม จากคนหรือกลุ่มผู้ที่หวังก่ออาชญากรรมต่อกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ดังนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีหนังสือสั่งการหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ กำหนดมาตรการเชิงรุกในการดูแลความปลอดภัย เน้นจัดสายตรวจออกตรวจตราพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมกับบุคคลกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สถานีตำรวจทุกแห่งจัดชุดตำรวจชุมชนมวลชนสัมพันธ์แนะนำให้ความรู้และประสานครู อาจารย์ในโรงเรียน สถานศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันระมัดระวัง เฝ้าระวังการกระทำผิดของผู้ไม่หวังดีในการใช้เด็ก เยาวชน เป็นเหยื่อหรือล่อลวงเพื่อคุกคามทางเพศ หรือเพื่อประโยชน์ในการค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมของวันแห่งความรักให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีของประเทศและมีความปลอดภัยต่อตนเอง
รองโฆษก ตร.ระบุอีกว่า ผบ.ตร.ยังให้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการตรวจสถานบริการ สถานบันเทิง ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด เช่น การเปิด-ปิดตามเวลา การห้ามพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ การตรวจบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่มาใช้บริการ ห้ามมีการแสดงลามก อนาจาร หรือการแสดงที่ไม่เหมาะสมขัดต่อศีลธรรมอันดี ตลอดจนห้ามมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดและกำชับการตรวจตราให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยห้ามจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้กับเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทั้งนี้หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รองโฆษก ตร.ย้ำด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติห่วงใยประชาชนทุกวัน วาเลนไทน์หรือวันไหนๆก็ปลอดภัยได้ ขอให้มีสติ รู้ทันภัย ใช้หลัก 4 เลี่ยง คือ 1.เลี่ยงการใช้สารเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 2.เลี่ยงไปในสถานที่สุ่มเสี่ยง ล่อแหลมต่อความปลอดภัย 3.เลี่ยงเที่ยวกลางคืนกลับบ้านดึกดื่น และ 4.เลี่ยงสนทนากับคนที่ไม่รู้จักในสังคมออนไลน์ เพื่อลดโอกาสการก่ออาชญากรรมของคนหรือกลุ่มผู้ที่ไม่หวังดี เป็นการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในภายหลัง