การจะให้ใครสักคนปลูกป่าหรือคนอยู่ร่วมกับ ป่าได้อย่างเต็มใจ หนทางใช้จิตอาสา หรือกฎหมายบังคับคงไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

แต่หากปลูกป่า แล้วหวงแหนรักษาป่า อยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูล แถมมีรายได้งอกเงยเลี้ยงครอบครอบครัว การรักษ์หวงแหนป่าจากหัวใจคงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก โครงการชุมชนไม้มีค่า ตามมติคณะรัฐมนตรี จึงเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไม้มีค่า เพื่อสร้างแหล่งอาหารและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน

การขับเคลื่อนโครงการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จึงร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.แพร่ และเกษตรกรชุมชนบ้านบุญแจ่ม ม.1 ต.น้ำเลา อ.ร้องกวาง จ.แพร่…ส่งเสริมให้คนในพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจร่วมกับเห็ดไมคอร์ไรซา เช่น เห็ดเผาะ เห็ดตับเต่า เห็ดระโงก เห็ดตะไคล เห็ดน้ำหมาก เห็ดน้ำแป้ง เห็ดถ่าน

“เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และชาวบ้าน นำนวัตกรรมปลูกเห็ดที่มีอยู่แล้วมาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้มีค่าบริเวณป่าต้นน้ำ ไปพร้อมกับเห็ดป่ามูลค่าสูงอย่างเห็ดไมคอร์ไรซาใต้ร่มเงาไม้เศรษฐกิจ ให้ชุมชนเกษตรกรร่วมรักษาและอาศัยประโยชน์จากป่า เป็นทั้งแหล่งอาหาร แหล่งสร้างรายได้มีรายได้จนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน กระทั่งได้เป็นชุมชนแบบอย่างด้านการพัฒนา และกลายเป็นศูนย์เรียนรู้พื้นที่ต้นแบบ “ชุมชนไม้มีค่า” บ้านบุญแจ่มในที่สุด”

...

ผศ.ดร.วรรณา มังกิตะ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยา ศาสตร์มหาบัณฑิต (การจัดการป่าไม้) มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ หนึ่งในทีมถ่ายทอดองค์ความรู้กับชาวบ้าน บอกถึงที่มาของหนึ่งในกุศโลบายในการทำให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน

การปลูกไม้เศรษฐกิจหรือพืชผักให้เป็นร่มเงาของเห็ด นอกจากสร้างรายได้ให้ชาวบ้านจากพืชผัก และไม้เศรษฐกิจในระยะยาวแล้ว ชาวบ้านยังมีรายได้จากเห็ดต่างๆปีละไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ถือเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน เพราะแม้จะเก็บเห็ดไปหมดแล้วแต่เชื้อเห็ดจะยังคงมีอยู่ในพื้นที่เดิมตลอดไป

นอกจากนั้น ยังถือเป็นการอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อเห็ดกับระบบรากของพืชชั้นสูงแบบเกื้อกูลกัน โดยเส้นใยของเห็ดจะไปเกาะรากพืชช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุและธาตุอาหารต่างๆให้พืชนำไปใช้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะการดูดซับธาตุฟอสเฟตให้พืช และช่วยป้องกันโรคพืชจากเชื้อรา ส่วนราจะได้รับสารอาหารจากพืชเพื่อการดำรงชีวิต ซึ่งจากการทดลองจริงของเกษตรกรในพื้นที่ พบเห็ดมีดอกค่อนข้างใหญ่กว่าเห็ดป่าทั่วไป ขณะที่ไม้ที่ปลูกเป็นร่มเงาก็โตเร็วกว่าปกติ 2-3 เท่า

ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า พืชในกลุ่มไม้ผล ไม้ดอก พืชไร่ พืชผัก เหมาะกับเห็ดตับเต่า ส่วนกลุ่มไม้วงศ์ยางนา เต็ง รัง พะยอม มะค่าโมง ตะเคียน เหมาะกับเห็ดไมคอร์ไรซาชนิดอื่น เช่น เห็ดเผาะ เห็ดตะไคล เห็ดน้ำหมาก เห็ดระโงก

ปัจจุบันได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ชาวบ้านสามารถผลิตหัวเชื้อเห็ดได้เอง โดยการนำดอกเห็ดที่สมบูรณ์มาปัดเศษดินออก (ห้ามล้างน้ำป้องกันสปอร์ถูกชะล้าง) จากนั้นนำมาปั่นให้ละเอียดในเครื่องปั่นในอัตราดอกเห็ด 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด (ไม่มีคลอรีน) 2 ส่วน จากนั้นก็สามารถนำมาราดต้นไม้ หรือใส่ในต้นกล้าพืชได้เลย

ในอัตราเชื้อเห็ด 1 ซีซีต่อความสูงต้นไม้ 1 ซม. หรือหากต้องการเก็บให้ได้นานข้ามปี ในขั้นตอนปั่นให้เติมกลีเซอรีนไปด้วยในอัตรากลีเซอรีน 100 ซีซีต่อเห็ด 1,000 ซีซี แล้วนำไปเก็บในตู้แช่แข็งอุณหภูมิ -20°C เมื่อจะนำไปใช้ให้ปล่อยให้หายเย็นก่อนจึงนำไปใส่ในต้นไม้ได้

...

“สำหรับผู้สนใจแนะนำให้นำเชื้อเห็ดตับเต่าไปใส่ในต้นหางนกยูง เพราะเป็นไม้โตเร็ว ทน ตายยาก โดยจากการทดสอบในแปลงพบเมื่ออายุได้ 1 ปี เห็ดตับเต่าจะเริ่มออกจำนวนมาก และออกตลอดทั้งปี ปีละไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ดอกเห็ดมีขนาดโต สมบูรณ์ มีน้ำหนักระหว่าง 100-700 กรัม ขายได้ราคาแพง และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ผลผลิต และคุณภาพของพืชเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าปกติ 2-3 เท่า”

ถือเป็นอีกหนึ่งกุศโลบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวไปพร้อมกับสร้างรายได้ให้เกษตรกร ขณะเดียวกันก็สอดรับกับพันธุ์ไม้เศรษฐกิจยืนต้น 58 ชนิด ที่รัฐบาลส่งเสริมให้ปลูก ซึ่งเกษตรกรสามารถใช้เป็นหลักค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินได้.

...

กรวัฒน์ วีนิล