นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดลำปาง ณ ป่าชุมชนบ้านต้นต้อง หมู่ที่ 5 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง พบว่า เฉพาะ จ.ลำปาง มีป่าชุมชนประมาณ 700 แห่ง เป็นเสมือนขุมทรัพย์สำคัญที่สุด สิ่งที่ชาวบ้านได้จากป่าชุมชน คือ การไปเก็บของในป่า ไปปลูกเสริม หรือจะทำอะไรก็ตามก็จะได้เงินค่าตอบแทน แต่จากนี้ไป ป่าชุมชน จะกลายเป็นหีบสมบัติที่มีค่ามากยิ่งขึ้น ต้นไม้ทุกต้นที่อยู่ในป่าชุมชน จะสามารถแปลงเป็นเงินได้ เพราะโลกมีกติกาใหม่ เรียกว่า คาร์บอนเครดิตซึ่งหมายความว่า ประเทศที่ก่อมลพิษมากจำเป็นต้องใช้คาร์บอนเครดิตไปหักกลบลบเรื่องการใช้หรือปล่อยมลพิษสู่อากาศหรือโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นทุกประเทศจะส่งเสริมพลังงานสะอาดจากลม โซลาร์เซลล์ แสงอาทิตย์
เลขานุการ รมว.ทส.กล่าวต่อว่า สำหรับคนที่มีพื้นที่ป่า จะสามารถนำป่าหรือป่าชุมชนมาคำนวณเป็นเงินได้ โดยนำคาร์บอนเครดิตที่คายมาจากต้นไม้เอามาคิดเป็นเงิน ทส.มีองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก.เป็นตัวกลางที่จะรับซื้อคาร์บอนเครดิตโดยคำนวณจากต้นไม้และพื้นที่ที่ปลูกว่าสามารถผลิตออกซิเจนได้เท่าไหร่ จากนั้นนำมาคำนวณขาย ซึ่งราคาที่ซื้อขายกันตกตันละ 20 ยูโร หรือ 700 กว่าบาท ต่อไปนี้คนที่ปลูกป่าจะมีธุรกิจวิ่งเข้ามาหา เพื่อมาเอาคาร์บอนเครดิตไปขาย นี่คือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
“นโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เน้นมากที่สุดคือการสร้างรายได้สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ป่าชุมชนคือหีบทองที่จะมีทองมากขึ้น มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ปลูกผัก ปลูกมะเขือ เก็บเห็ดโคนมาขายอย่างเดียว แต่จะมีรายได้จากคาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้น ผมขออย่างเดียว ขอให้รักป่า ปกป้องป่าและรักษาป่า” นายธเนศพลกล่าว.
...