น.ส.วริษา สี่หิรัญวงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน กรีนพีซ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากรายงานวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม พบว่า มลพิษไนโตรเจนออกไซด์เพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ของประเทศ ไทย ในรอบ 1 ปีหลังการล็อกดาวน์ครั้งแรกจากวิกฤติโควิด-19

โดยการวิเคราะห์เน้นไปที่ 8 พื้นที่คือ กรุงเทพฯ สระบุรี อยุธยา เชียงใหม่ ลำปาง แม่เมาะ มาบตาพุด และกระบี่ เปรียบเทียบค่าเฉลี่ย 6 เดือน ตั้งแต่ ม.ค. - มิ.ย.ของมลพิษไนโตรเจนออกไซด์ระหว่างปี 2563 และ 2564 โดยใช้ค่าเฉลี่ยมลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์ปี 2561-2562 เป็นช่วงก่อนการระบาดโควิด-19 เป็นฐานอ้างอิง พบหลักของการวิเคราะห์เมื่อเปรียบเทียบเดือน ม.ค.-มิ.ย.2563 กับเดือน ม.ค.-มิ.ย.2564 โดยใช้ปี 2561-2562 เป็นปีฐาน พบว่า มลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์กลับมาเพิ่มขึ้นในมาบตาพุดร้อยละ 24 สระบุรีร้อยละ 22 กรุงเทพฯ ร้อยละ 17 ลำปางร้อยละ 13 และโรงไฟฟ้าลิกไนต์แม่เมาะ ร้อยละ 8

ในขณะที่ เชียงใหม่และกระบี่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 5 และเมื่อเปรียบเทียบปี 2561-2562 กับ ปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อรับมือกับโควิด-19 พบว่า มาตรการล็อกดาวน์และการเปลี่ยนแปลงระดับของมลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์นั้นไม่สัมพันธ์กัน กล่าวคือ บางพื้นที่มีมลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์ลดลงในขณะที่มีการล็อกดาวน์ แต่ในบางพื้นที่มีมลพิษไนโตรเจนไดออกไซด์กลับเพิ่มสูงขึ้น

น.ส.วริษากล่าวต่อว่า ผลจากการวิเคราะห์ย้ำเตือนถึงมลพิษทางอากาศที่ยังคงเป็นวิกฤติท้าทายด้านสาธารณสุข และระบบพลังงานและการคมนาคมที่ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล รัฐบาลต้องมุ่งมั่นลดมลพิษทางอากาศ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น.