ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปลูกยาง และมีการขนย้ายกล้ายางจำนวนมาก แต่กล้ายางพาราที่ปลูกกันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตหลักจากภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นตรัง พังงา นครศรีธรรมราช สงขลา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ล้วนเป็นจังหวัดที่ประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา
จากรายงานการศึกษาพบว่า เชื้อราก่อโรคใบร่วงชนิดใหม่นี้ สามารถเข้าทำลายและฝังตัวอยู่ได้ทั้งในใบบนต้น กิ่งก้าน ใบที่ร่วงหล่นบนพื้นดิน รวมถึงพืชอื่นๆในสวนยาง
ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดวงจรและจำกัดวงการแพร่ระบาดของโรค จากการขนย้ายกล้ายางเพื่อไปปลูกในพื้นที่อื่น ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผอ.สถาบัน วิจัยยาง เตือนผู้ประกอบการขยายพันธุ์ยางเพื่อการค้า ไม่ว่าจะเป็นการผลิตกล้ายางชำถุง กล้ายางติดตาในถุง หรือต้นกล้า ที่ติดตาในแปลง
ก่อนถอนหรือขนย้ายออกจากแปลงต้องฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ทุก 3–5 วัน ตามอัตราแนะนำในฉลาก เพื่อป้องกันเชื้อโรคติดไปกับกล้ายาง
สำหรับสารเคมีที่แนะนำให้ฉีดพ่น เช่น เฮกซาโคนาโซล หรือ ไดฟิโนโคนาโซล หรือ ไซโพรโคนาโซล หรือ โพรพิโคนาโซล หรือ แมนโคเซบ หรือ คาร์เบนดาซิม หรือ โพรพิเนป หรือ คลอโรธาโลนิล โดยอาจเลือกสารตัวใดสารหนึ่งหรือใช้สลับกันก็ได้
ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกยาง หากจะซื้อกล้ายางมาปลูกใหม่ ควรตรวจสอบกับผู้จำหน่ายให้แน่ชัดว่ามีการปฏิบัติตามคำแนะนำของ กยท.หรือไม่ด้วย
แต่ถ้าจะให้มั่นใจว่าได้กล้ายางที่ปลอดโรคใบร่วงจริง ควรที่ฉีดพ่นสารเคมีตามคำแนะนำก่อนที่จะนำไปปลูกด้วย.
สะ–เล–เต
...