ประเทศไทยมาถึงจุดที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น แตะหลัก 7 พันคน เสียชีวิตทำนิวไฮอีกครั้ง 75 ศพ นายกรัฐมนตรีโพสต์เฟซบุ๊กยอมรับสถานการณ์รุนแรงจริง ให้ประชาชนดูแลป้องกันตัวเองบอกจะชนะโควิดได้คนในชาติต้องสามัคคี มีวินัย อดทน ร่วมแรงร่วมใจ พร้อมสัญญาจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด ด้านที่ประชุมซีโออี กระทรวงสาธารณสุขแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสมรณะ เสนอ ศบค.ชุดเล็กให้เสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ ปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น และยกระดับมาตรการทางสังคมในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน ห้ามเดินทาง ห้ามมีการเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด โดยลีลามีลูกเล่นไม่ใช้คำว่า “ล็อกดาวน์” แต่ปั้นคำสวยหรู “หยุดเชื้อเพื่อชาติจำกัดการเดินทาง” ด้าน ศบค.ให้ผู้ป่วยตรวจเชื้อรอผลให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง ส่วนผู้ป่วยที่กลับต่างจังหวัดให้แจ้งปลายทางรอรับ โรงพยาบาลสนามขอบริจาคถุงห่อศพผู้เสียชีวิตจากโควิด

สถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เมื่อมีคนป่วยติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้นทุกวันและมีคนตายคาบ้านด้วยโรคนี้ศพแล้วศพเล่า ทั้งยังมีคนป่วยที่อาการหนักนอนรอเตียงรักษาแบบไร้ความหวัง บางคนออกมาโพสต์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือเป็นที่สลดหดหู่ใจ ทำให้คนไทยสุดจะทนกับสถานการณ์เลวร้ายของวิกฤติโควิด-19 วอนรัฐบาลอย่าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะยังสร้างความตระหนกตกใจให้คนไทยได้ทุกวัน ในวันที่ 8 ก.ค. ยิ่งช็อกหนักเมื่อมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งไปกว่า 7 พันคน ผู้เสียชีวิตทำสถิตินิวไฮในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อยอดพุ่งขึ้นไปถึง 75 ศพ ด้านรัฐบาลยังลีลาเลี่ยงการใช้คำว่า “ล็อกดาวน์” และโยนให้ 2 หน่วยงานคือกระทรวงสาธารณสุขกับ ศบค.เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องปิดเมือง ขณะเดียวกัน ศบค.ได้แต่พร่ำพูดว่าขอให้ประชาชนอดทนในวันนี้เพื่อชนะในวันหน้า

...

“ตู่” ถก ศบค.ชี้ขาดล็อกดาวน์

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวันที่ 8 ก.ค. หลังจากนายกฯ กักตัวเป็นวันที่ 3 เพื่อสังเกตอาการ 14 วัน หลังมีผู้ไปร่วมงานเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ติดโควิด-19 แล้วมาขอถ่ายรูปแบบเซลฟี่อย่างใกล้ชิด นายกฯ ปฏิบัติงานที่บ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 รอ. ไม่มีวาระงานทางการ ขณะที่บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงการประชุมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ตึกบัญชาการ 1 นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการ ป้องกันโควิด-19 ของทำเนียบฯ ยังคงใช้มาตรการเข้มข้น การประชุมต่างๆ มีเทคโนโลยีพร้อมเพรียง ไม่ทำให้การบริหารราชการมีอุปสรรค ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นเกือบหลักหมื่น ล่าสุด นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.ได้เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค. เวลา 10.00 น. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ต้องจับตาจะมีการพิจารณามาตรการล็อกดาวน์หรือไม่

“ประวิตร” ไม่รู้อย่างเดียว

เวลา 11.55 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงข้อเสนอให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่และมีผู้เสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่า “รอประชุมๆ” เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มจะล็อกดาวน์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ไม่รู้”

ตร.ทำเนียบติดเชื้อโควิด–19

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ปฏิบัติหน้าที่ประจำประตู 5 ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ติดเชื้อโควิด 1 คน ได้เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว ไม่ได้พักอาศัยที่เรือนนอนในทำเนียบรัฐบาล แต่อยู่บริเวณชุมชุน ซอยพิษณุโลก 1 ที่มีการระบาดไปก่อนหน้านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้ทยอยเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อเป็นการป้องกัน

หยุดเชื้อเพื่อชาติจำกัดเดินทาง

อีกด้าน เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรืออีโอซี มีอาจารย์แพทย์ ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญร่วมพิจารณาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อวันนี้ที่เพิ่มมากถึง 7,058 คน เสียชีวิตวันนี้ถึง 75 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เริ่มแพร่ไปต่างจังหวัดมากขึ้น เสนอ ศบค.ชุดเล็กก่อนเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ให้มีการยกระดับมาตรการทางสังคมในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน จำกัดการเดินทางให้ทุกคนหยุดเชื้อเพื่อชาติ ไม่ออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น ยกเว้นไปซื้ออาหาร พบแพทย์ ฉีดวัคซีน และเสนอห้ามเดิมทางข้ามจังหวัด ปิดสถานที่เสี่ยง เปิดเฉพาะที่จำเป็น เช่น ตลาด ซุปเปอร์มาร์เกต กำหนดดำเนินการอย่างน้อย 14 วัน ลดการระบาดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ให้ระบบสาธารณสุขดำเนินการได้มีประสิทธิภาพไม่เกิดปัญหา มาตรการดังกล่าวจะเข้มข้นไม่น้อยกว่าช่วงที่เคยดำเนินการเดือน เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวถามจะเรียกล็อกดาวน์หรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า จะเรียกอะไรนั้น เนื้อหาหลักๆคือจำกัดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ส่วนรายละเอียดพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชนต้องสอบถาม ศบค.

...

บับเบิลแอนด์ซีลตัวเอง

นพ.เกียรติภูมิกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีมาตรการรองรับประชาชนขอตรวจเชื้อจำนวนมาก กำหนดให้สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียน ใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Antigen Test ที่ทำให้ทราบผลเร็ว จากที่ต้องรอผลตรวจหลาย ชม.ทำให้เกิดการแพร่เชื้อระหว่างรอผลได้ หากพบผลบวกก็นำเข้าระบบรักษา หรืออาจจะให้ตรวจซ้ำโดยวิธี RT PCR เพิ่มความแม่นยำ กำลังวางระบบให้เข้าถึงการตรวจเองที่บ้านในอนาคต นอกจากนี้ผู้ป่วยที่พบเป็นระดับอาการสีเขียวจะใช้ระบบการดูแลตัวเองที่บ้าน และระบบการดูแลในชุมชนมากขึ้น รวมถึงให้เน้นมาตรการบุคคลอย่างเข้มงวด หรือบับเบิลแอนด์ซีลตัวเองให้มาก เนื่องจากมีการติดเชื้อในครอบครัวและที่ทำงานมาก เน้นให้ทำงานที่บ้าน ส่วนวัคซีนจะเร่งฉีดในกลุ่มเสี่ยง 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรัง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง กทม.ปริมณฑล ให้ใช้ไม่ต่ำกว่า 80% ของวัคซีนที่ให้ไป กทม.จะเร่งฉีดช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ให้มากกว่าล้านโดสขึ้นไป

ร่วมมือเชื่อลดใน 2 สัปดาห์

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ภาพรวมมาตรการดังกล่าวใช้เวลา 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน ถือเป็นระยะฟักตัวของโรค หากดำเนินการร่วมกับการเร่งฉีดวัคซีนและความร่วมมือของประชาชนเชื่อว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อน่าจะลดลงใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

...

ถึงจุดติดเชื้อ 7 พันตาย 75

เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิดประจำวันว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 7,058 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,981 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 5,249 ราย มาจากการค้นหา เชิงรุกในชุมชน 1,732 ราย จากเรือนจำและที่ต้องขัง 68 ราย มาจากต่างประเทศ 9 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 308,230 ราย หายป่วยสะสม 236,149 ราย อยู่ระหว่างรักษา 69,619 ราย อาการหนัก 2,564 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 698 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 75 ราย ถือเป็นตัวเลขสูงที่สุด เป็นชาย 39 ราย หญิง 36 ราย อยู่ใน กทม.38 ราย สมุทรปราการ 9 ราย นราธิวาส ปทุมธานี จังหวัดละ 4 ราย นครปฐม ยะลา จังหวัดละ 3 ราย ชัยภูมิ สงขลา อุทัยธานีจังหวัดละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปัตตานี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมมี 2,462 ราย

ลุยเปิดจุดตรวจเชื้อ กทม.

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มี ผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 8 ก.ค. ได้แก่ กทม. 2,212 ราย สมุทรปราการ 565 ราย สมุทรสาคร 517 ราย ชลบุรี 290 ราย ปทุมธานี 229 ราย สงขลา 213 ราย นนทบุรี 180 ราย ปัตตานี 175 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 150 ราย ยะลา 146 ราย พื้นที่ กทม.มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง 121 คลัสเตอร์ ประชาชนอาจเป็นห่วงภาพคนรอการตรวจหาเชื้อ เนื่องจากทราบคนใกล้ชิดติดโควิด ศบค.ไม่นิ่งนอนใจจะเร่งเปิดจุดตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม โดยมีการเปิดที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง เริ่มตรวจได้ในวันที่ 9 ก.ค. วันที่ 12 ก.ค.จะเปิดอีก 2 จุดคือ สนามกีฬาธูปะเตมีย์ สนามกีฬาหัวหมาก หากพบผู้ติดเชื้อจะนำเข้ากระบวนการรักษา แต่หากไม่ติดเชื้อเร่งระดมฉีดวัคซีนให้มากขึ้น นอกจากเปิดศูนย์ตรวจหาเชื้อแบบวอล์กอินที่กล่าวมาแล้วจะมีการเปิดเพิ่มเติมให้ได้ 6 จุด ตามกลุ่มเขตทั่ว กทม.ด้วย ขณะที่มาตรการตรวจเชิงรุกในชุมชนยังมีอยู่ส่วนแล็บตรวจของเอกชนที่ผ่านมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็จะเปิดให้ตรวจด้วยเช่นกัน และต้องยอมรับว่าเมื่อเปิดจุดตรวจมากขึ้น เราก็ต้องพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น

...

แยกกักที่บ้าน-ศูนย์พักคอย

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.ยังได้เร่งรัดมาตรการระบบแยกกักตัวรักษาอยู่บ้านและศูนย์พักคอยในชุมชนเพื่อรอส่งเข้ารักษาการกักตัวที่บ้าน ขณะนี้มีการดำเนินการบ้างแล้ว 1-2 วันจะเข้าสู่ระบบอย่างจริงจัง ขณะที่ศูนย์พักคอย จะดำเนินการโดยศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ร่วมกับคลินิกอบอุ่น รวม 200 กว่าแห่ง ที่ต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องการให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระบบโดยเร็วที่สุด จากเดิมโรงพยาบาลสนามต้องมีมาตรฐาน แต่ตอนนี้พูดกันว่าให้อยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ อาจจะลดการสะดวกสบายลงไป แต่เน้นย้ำที่ความปลอดภัย เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนที่ติดเชื้อเดินทางข้ามเขต 2 ส่วนนี้จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเริ่มมีอาการอยู่ในระดับเขียวเข้ม จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม ที่ประชุมศปก.ศบค.ยังหารือเรื่องแคมป์คนงานก่อสร้างที่ปิดอยู่ว่าหากมีตัวเลขที่ลดลงอาจมีมาตรการผ่อนคลาย และจะต้องระดมฉีดวัคซีน ศปก.ศบค.จะประสานขอรับการสนับสนุนการฉีดวัคซีนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเพิ่มเติมกระทรวงสาธารณสุขรับปากว่าจะจัดสรรวัคซีนให้ กทม. และปริมณฑล รวมถึงจะเพิ่มขีดความสามารถในจุดฉีดวัคซีนให้ฉีดวัคซีนที่ได้รับมาในระยะเวลาที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

วอนคนกลับจากพื้นที่เสี่ยงกักตัว

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การที่มีผู้ป่วยจาก กทม.และปริมณฑลเดินทางข้ามพื้นที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและกระจายเชื้อไปทั่วประเทศ ทำให้วันนี้มีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่ทุกจังหวัดพบผู้ติดเชื้อที่มีประวัติการเดินทางจาก กทม.และปริมณฑล กระจายไปถึง 54 จังหวัด และยังเป็นห่วงว่ากลุ่มผู้ที่เดินทางกลับไปจังหวัดสีเหลืองที่ร้านอาหารยังเปิดอยู่ อาจมีการสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ติดเชื้อที่มีประวัติการเดินทางจาก กทม.และปริมณฑล ตรวจพบในจังหวัดต่างๆเพิ่มขึ้น เช่นจังหวัดภาคอีสาน จากเดิมมีร้อยกว่าราย วันนี้สูงถึง 841 ราย ดังนั้นขอว่าใครที่เดินทางกลับจากพื้นที่สีแดงขอให้กักตัว 100%

ห้ามเคลื่อนย้ายระหว่าง จว.

พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กพูดคุยถึงมาตรการทางสังคม ที่อีโอซีของกระทรวงสาธารณสุขนำหารือด้วยความเป็นห่วง ถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้น ไม่จำกัดอยู่ในวงแคมป์คนงานหรือแรงงานต่างด้าว แต่อยู่ในลักษณะชุมชน กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ปรับมาตรการ ทั้งมาตรการด้านสาธารณสุข มาตรการสังคม ต่อ ศปก.ศบค. ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค. โดยจะปรับให้มีความเข้มข้นมากขึ้น มีหลักการให้จำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะห้ามเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด ที่ประชุมหารือไปยัง ก.มหาดไทย กลาโหม ให้ตั้งจุดตรวจลดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่

เสนอปิดห้าง-ร้านสะดวกซื้อ

ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวต่อว่า รวมถึงเสนอให้ปรับมาตรการเวิร์กฟรอมโฮมให้สูงสุด เสนอให้ภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการเปิด-ปิดกิจการ ลดการเคลื่อนย้ายลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ อาทิ ห้างสรรพสินค้า กิจการประเภทเดียวกัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านข้าวต้มรอบดึก ตลาด เมื่อลดการเคลื่อนย้ายของบุคคล ก็ต้องมีการปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะให้สอดคล้อง แต่ต้องคำนึงถึงการคงไว้ซึ่งความจำเป็น ยกตัวอย่าง เช่น สาธารณูปโภค อาหาร ซุปเปอร์มาร์เกต ที่อาจจะจำเป็นต้องเปิด หรือร้านขายเครื่องมืออุปกรณ์ช่าง นี่คือมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขหารือกันและนำเสนอ ศบค.ชุดเล็ก แต่จะต้องมีการนำเสนอไปยัง ศบค. ชุดใหญ่ที่จะประชุมกันในวันที่ 9 ก.ค. เวลา 10.00 น. ดังนั้น ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ยังไม่มีผล เพื่อให้ ศบค. ชุดใหญ่พิจารณาและอาจจะต้องมีการปรับรายละเอียดเพื่อให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ด้วย

ปัดคุยถึงคำว่า “ล็อกดาวน์”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ล็อกดาวน์ 14 วัน เริ่มศุกร์ 9 ก.ค. จริงหรือไม่ พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ในที่ประชุมไม่มีคำว่า “ล็อกดาวน์” สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอในวันนี้ต่อที่ประชุมคือการปรับมาตรการ มีรายละเอียดว่ากิจการกิจกรรมใดมีการปรับระยะเวลาเปิดปิดอย่างไร พื้นที่ไหนจังหวัดใด ยังไม่มีการสรุปออกมาเป็นข้อสรุปเพราะต้องนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาและอนุมัติในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.

ตรวจเชื้อให้รอผลอย่าเดินทาง

เมื่อถามถึงกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดยังทำได้หรือไม่ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางจริงๆต้องปฏิบัติอย่างไร พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ศบค.เน้นย้ำเสมอขอประชาชนงดเว้นการเดินทาง ไม่แนะนำให้เดินทางยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ ขณะนี้มีการรายงานว่ามีบุคคลที่กำลังรอผลตรวจโควิด-19 เดินทาง จึงขอให้โรงพยาบาลที่ตรวจเชื้อเน้นย้ำด้วยว่าขณะรอผลตรวจไม่ควรเดินทาง รวมถึงอีกกรณีหนึ่งคือเมื่อรู้ผลว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว มีความพยายามกลับจังหวัดภูมิลำเนาเพื่อรับการรักษา อันนี้ไม่แนะนำ เพราะเมื่อติดเชื้อเป็นผู้ป่วย สาธารณสุขเห็นว่าต้องพักผ่อน พักปอด แต่ขณะเดินทางจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้า และยังเป็นการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นขณะเดินทางด้วย

ผู้ป่วยกลับ ตจว.แจ้งปลายทาง

แต่ในกรณีที่มีความจำเป็น สาธารณสุขแนะนำว่าก่อนเดินทางขอให้ติดต่อไปยังศูนย์ประสานงานรับคนกลับบ้านของจังหวัดปลายทางด้วย อาจจะเป็นโรงพยาบาลหรือสาธารณสุขจังหวัด หรือบุคลากรสาธารณสุข ขออย่าไปโดยถือผลว่าติดเชื้อไปเฉยๆ เพราะโรงพยาบาลปลายทางเตรียมรับไม่ทัน มีข้อแนะนำว่าระหว่างเดินทางต้องไปโดยรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ลดกระจกลงเพื่อระบายอากาศ ไม่เช่นนั้นอาการจะทรุดลงได้ เตรียมหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ยารักษาโรคประจำตัว เตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอ ไม่ควรแวะปั๊มน้ำมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบุคลากรสาธารณสุขของจังหวัดปลายทางจะต้องรู้ ครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติมิตร จะต้องรู้ ต้องเข้าใจว่าเมื่อเดินทางกลับไปถึงจังหวัดปลายทางแล้ว จะต้องแยกกัก ถึงแม้ว่ายังไม่มีผลยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ แต่ถือว่าท่านเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสีแดง สีแดงเข้ม เพราะฉะนั้นการกักตัวเป็นสิ่งที่ต้องขอให้ทุกคนทำ 100%

วอนอดทนเพื่อชนะไปด้วยกัน

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ช่วงท้ายนี้ขอฝากว่า มาตรการที่จะเสนอที่เข้าที่ประชุม ศบค.ใหญ่ ในวันที่ 9 ก.ค. อาจจะมีข้อจำกัด ความติดขัดที่อาจจะทำให้ประชาชนหลายส่วนเกิดความไม่สะดวก คงต้องขออภัย ยามนี้การปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น อาจมีความจำเป็น ขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งสถานประกอบการ ประชาชน ขอย้ำว่าเรามีความอดทนในวันนี้แล้วที่สุดเราจะชนะไปด้วยกัน

เยียวยา 6 จว.สีแดงเริ่ม 23 ก.ค.

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำ ศบค. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก-รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดทุกกลุ่ม โดย ครม.เห็นชอบอนุมัติงบประมาณชดเชยเร่งด่วน จำนวน 2,519.38 ล้านบาท เยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการด้านก่อสร้าง ที่พัก บริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิง นันทนาการ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ที่ถูกปิดกิจการชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มโอนเงินเยียวยาครั้งแรกภายในวันที่ 23 ก.ค. ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) หากนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล สำนักงานประกันสังคมจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้งหรือตามวิธีการอื่นๆที่กระทรวงแรงงานกำหนด ส่วนกรณีนายจ้างที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ลงทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 ก.ค.

“บิ๊กตู่” รับสถานการณ์รุนแรง

เวลา 16.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่า สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ขณะนี้ทุกคนทราบดีว่ามีความรุนแรงมากขึ้น ได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความไม่สบายใจและรับรายงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินใช้แผนเผชิญเหตุเพื่อกำหนดมาตรการการควบคุม และส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก หากไม่ดำเนินการอาจส่งผลกระทบให้เกิดความรุนแรงมากกว่านี้ เราอาจจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในการจำกัดการเคลื่อนย้าย ป้องกันมิให้มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรม การปิดสถานที่เพิ่มเติม และมาตรการอื่นๆที่จำเป็นฐานะ ผอ.ศบค.ได้เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เช้าวันที่ 9 ก.ค. เพื่อพิจารณามาตรการที่ฝ่ายต่างๆเสนอและจะแจ้งผลให้ทราบทันที

ให้ ปชช.ดูแลป้องกันตัวเอง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ช่วยกันดูแล ป้องกันตัวเอง ครอบครัว สังคม ประ เทศชาติไปด้วยกัน ไม่มีใครหรือประเทศใด ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาโควิดได้สำเร็จโดยคนเพียงคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ในยามที่เปรียบเสมือนการทำสงครามกับเชื้อไวรัสในครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เราชนะได้ คือความสามัคคีของคนในชาติ ความมีวินัย ความอดทน การร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันของคนในชาติ อีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความมีสติรับข่าวสารในยามวิกฤติที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างข้อมูลเท็จที่มุ่งร้ายให้เกิดความเข้าใจผิดและสับสนวุ่นวายในสังคมอย่างมากมาย ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการของรัฐที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่นด้วย ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ ขอสัญญาจะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด ตนและรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ไฟเขียวญี่ปุ่น–อุซเบเที่ยวภูเก็ต

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ ไทย หรือซีโออี โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” มีผู้ขอใบซีโออีผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก วันที่ 1-8 ก.ค.จำนวน 12,356 ราย อนุมัติแล้ว 5,652 ราย รอยื่นเอกสารเพิ่มเติม 6,110 ราย ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ 594 ราย มีผู้เดินทางเข้า จ.ภูเก็ต แล้ว 2,244 คน วันที่ 7 ก.ค. มีผู้เดินทางด้วยเที่ยวบินจากกรุงโดฮา กาตาร์ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล รวม 295 ราย จะเข้ามาอีก 718 คน ในวันที่ 8-9 ก.ค. และ ททท.ได้ปรับเพิ่มรายชื่ออนุญาตให้ประเทศญี่ปุ่นและอุซเบกิสถานเข้าโครงการอีก 2 ประเทศ รวมเป็น 68 ประเทศ

ขอบริจาคถุงห่อศพโควิด

วันเดียวกัน น.ส.พันชนะ วัฒนเสถียร ผู้ก่อตั้งโครงการ “ข้าวเพื่อหมอ ฟู้ด ฟอร์ ไฟเตอร์” เปิดเผยกับไทยรัฐว่า ได้รับแจ้งจากน้องที่เป็นเจ้าของร้านอาหารในกลุ่มฯ ว่ามีโรงพยาบาลสนามแห่งหนึ่ง ต้องการขอรับบริจาค “ถุงห่อศพ” จำนวนมาก เพราะศพหนึ่งศพต้องใช้ถุงห่อศพถึง 3 ชั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อของทีมทำงาน ก่อนที่จะนำศพไปดำเนินการเผา จากการสอบถามโรงงานผลิตถุงพลาสติกที่สามารถนำมาใช้ห่อศพได้บอกว่า ถุงที่ใช้ห่อศพ ต้องมีขนาดความกว้าง 90×210 ซม. ทำจากวัสดุ PVC คุณภาพดี สามารถกันของเหลวรั่วซึมได้อย่างดี ถุงบรรจุศพซิป 3 ด้าน เปิดปิดง่ายมีความหนา 18 ไมครอน หากผู้ใดต้องการบริจาคถุงห่อศพ ติดต่อได้ที่ Call Center 0-2016-9910 ทุกวัน หรือโทร. 08-6564-0957 หรือที่ บัญชีมูลนิธิคุวานันท์ ธนาคารไทยพาณิชย์ 109-249780-3 (หักลดหย่อนได้) ส่งหลักฐานได้ที่ line@silvervoyage ทั้งนี้โครงการยังคงรับบริจาคเพื่อจัดทำข้าวกล่อง ถุงยังชีพ ฯลฯ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และส่งข้าวกล่องให้แก่บุคลากรทางการแพทย์เช่นเดิม

โคราชเตรียมใช้มาตรการเข้ม

ที่ จ.นครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 32 อำเภอ ของจังหวัดว่าพบผู้ป่วยใหม่ 135 ราย แยกเป็นผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง 51 ราย ป่วยเพราะสัมผัสผู้ป่วย 53 ราย และป่วยจากพื้นที่อื่นกลับมารักษาในจังหวัด 31 ราย ขณะที่นายกอบชัย บุญอรณะ ผวจ. กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการเข้มข้นหยุดการแพร่ระบาดของโรคและจะมีการเสนอที่ประชุม ศบค.จังหวัด ลดจำนวนคนจัดกิจกรรม ร้านอาหารอาจต้องซื้อกลับไปกินที่บ้าน สถานศึกษาขยายระยะเวลาเปิดเทอม ขอความร่วมมืองดออกจากบ้านตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 4 ส่วนแคมป์คนงานก่อสร้างจะต้องมีการตรวจหาเชื้อทุกคน ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ พบป่วยใหม่ 27 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งเป็นแรงงานที่ถูกปิดแคมป์จาก กทม.กับปริมณฑลและเดินทางกลับมาบ้าน

เชื้อคนแคมป์แพร่หลาย จว.

ที่ จ.ร้อยเอ็ด มีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งถึง 63 ราย ในวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ด สั่งจัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือคนร้อยเอ็ดกลับบ้าน โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมระดับจังหวัด ระดับอำเภอและระดับ ตำบล ตั้งเป็น Call center ให้ประชาชนติดต่อเพื่อ เดินทางเข้ามาตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ มีติดเชื้อเพิ่มอีก 45 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและสถานรับเลี้ยงเด็กทุกแห่งทั้งจังหวัดกับมีการเตรียมตั้ง รพ.สนาม 8 แห่ง

เอาผิดป่วยกลับมาไม่แจ้ง

ที่ จ.นครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผวจ. มอบหมายให้นายสุพจน์ ผิวดำ ปลัดอาวุโส อ.ธาตุพนม รักษาราชการแทนนายอำเภอธาตุพนม ประสาน พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ธาตุพนม ดำเนินคดีเอาผิดผู้ป่วยโควิด เป็นชายอายุ 40 ปี และหญิง อายุ 38 ปี ชาวบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 3 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม ที่เป็นแรงงานป่วยมาจากต่างจังหวัดกลับมาบ้านเกิด แต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าสู่การคัดกรองตรวจรักษา จนมาตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ทำให้มีการแพร่เชื้อสู่คนในครอบครัวจนป่วยเพิ่มอีก 5 ราย นอกจากนี้ยังไม่กักตัวทำให้เกิดปัญหามีกลุ่มเสี่ยงที่ต้องถูกตรวจคัดกรองใน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านดอนสวรรค์ หมู่ 3 และบ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม รวมประมาณ 400 ครัวเรือน จนต้องสั่งปิดการเข้าออกทั้ง 2 หมู่บ้าน 7 วัน จากวันที่ 7-13 ก.ค.

ประธานศาลเจ้าฉีดซิโนฟาร์มดับ

ที่สำนักสงฆ์วัดกรุงหยัน หมู่ 2 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 8 ก.ค. มีพิธีฌาปนกิจศพนายชัชวาล ภัทราคม อายุ 65 ปี ประธานศาลเจ้า“ไต่เซียฮุกโจ้ว” ต.กรุงหยัน ที่เสียชีวิตหลังไปฉีดวัคซีนทางเลือก“ซิโนฟาร์ม” ที่ รพ.รวมแพทย์ อ.ทุ่งสง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. หลังฉีดเสร็จเดินทางกลับบ้านใช้ชีวิตตามปกติ ตื่นเช้าสวดมนต์ไหว้พระ หลังผ่านไป 1 วัน นายชัชวาลมีอาการแน่นหน้าอกและบอกให้คนรอบข้างทราบถึงอาการ พร้อมนำเครื่องวัดความดันมาวัดตรวจสอบอาการอยู่ตลอดเวลา ก่อนเสียชีวิตเมื่อเช้ามืดวันที่ 5 ก.ค. ได้บ่นให้นางนฤมล ภัทราคม ภรรยา ฟังว่าเจ็บหน้าอกมาก ภรรยาสังเกตอาการพบว่าปากคล้ำลงกว่าปกติ จนตีห้าครึ่งมายืนสวดมนต์ที่หน้าพระจีนของศาลเจ้า พอปักธูปเสร็จก็ฟุบคว่ำหน้าหมดสติไป ผู้พบเห็นช่วยกันปั๊มหัวใจก่อนส่งมายัง รพ.ทุ่งใหญ่ และเสียชีวิต ทำให้ญาติติดใจการเสียชีวิตของนายชัชวาลมาก เพราะผู้ตายมีสุขภาพแข็งแรง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนและมีการผ่าศพพิสูจน์ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พบเส้นเลือดหัวใจอุดตัน 3 เส้น มีไขมันและหัวใจทำงานหนัก

ยะลาป่วยติดท็อปเทนอีก 146

สนง.สาธารณสุข จ.ยะลา รายงานสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 8 ก.ค. มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 146 ราย ทำให้ติดอันดับท็อปเทนในลำดับสุดท้ายของภาคใต้รองจาก จ.สงขลา ที่ติดเชื้อ 213 ราย จ.ปัตตานี 174 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดใน อ.บันนังสตา 50 ราย อ.เมือง 46 ราย อ.กาบัง 16 ราย อ.ธารโต 15 ราย อ.รามัน 11 ราย อ.กรงปินัง 5 ราย อ.เบตง 2 ราย อ.ยะหา 1 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตเป็น 25 รายแล้ว

“จิตต์อารีย์” ติดอีก 41 ราย

ที่ จ.ลำปางหลังจากเกิดคลัสเตอร์ป่วยโควิด-19 ในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จิตต์อารีย์ฯ อ.เมืองลำปาง ที่เป็นโรงเรียนประจำ โดยพบเด็กนักเรียนป่วยยืนยันติดเชื้อไปแล้ว 5 ราย เป็นเด็กมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก 2 ราย จ.นครราชสีมา 1 ราย จ.ลำปาง 1 ราย ต่อมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและ รพ.ลำปาง ได้เข้าควบคุมโรค จำกัดการเคลื่อนย้าย แยกกลุ่มที่มีอาการออกตรวจหาเชื้อโควิด-19 และรักษาพบมีผู้ติดเชื้ออีก 41 ราย เป็นครู 2 ราย (ไม่มีอาการ) นักเรียน 39 ราย (มีอาการเล็กน้อย 18 ราย) ถูกนำเข้ารักษาภายใน รพ.สนาม ภายในโรงเรียน

คนไข้โควิดเข้า รพ.สนาม

ที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้ป่วยโควิด-19 ชุดแรกรวม 30 คนเข้ารักษาตัวที่ รพ.สนาม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ ที่ถูกเปิดใช้อีกครั้งหลังมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 100 รายและในวันที่ 8 ก.ค. ติดเพิ่มอีก 41 ราย ขณะเดียวกันมีการจับกุมร้าน โอ้ววว หมูจุ่ม ตั้งอยู่ใน อ.สันกำแพง ที่เปิดให้บริการและปล่อยให้ลูกค้าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน รวมทั้งเปิดเกินเวลา 21.00 น.

2 สาวติดเชื้อกลับไปแม่ฮ่องสอน

ที่ จ.แม่ฮ่องสอน พบผู้ป่วยโควิด 2 ราย เป็นหญิงอายุ 30 ปี ทำงานที่กรุงเทพฯนายจ้างติดเชื้อ เมื่อ 5 ก.ค. จึงไปขอตรวจที่ รพ.แต่ไม่ได้รับการตรวจ ด้วยมีผู้รอคิวตรวจจำนวนมาก จึงเดินทางกลับบ้านที่แม่ฮ่องสอน ด้วยรถทัวร์จากกรุงเทพฯ มา จ.เชียงใหม่ (สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา) และมา อ.ปาย ด้วยรถตู้ ถึงด่านตรวจแม่ปิง ถูกตรวจพบว่ามีไข้ เจ็บคอ เจ้าหน้าที่ด่านจึงส่งตัวตรวจที่ รพ.พบปอดอักเสบและถูกส่งมาตรวจอีกที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ ผลติดเชื้อโควิด-19 อีกรายเป็นหญิงอายุ 18 ปี ไม่มีอาการ มาจาก จ.ปทุมธานี มา อ.แม่ลาน้อยด้วยรถทัวร์ (สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา) เข้าตรวจหาเชื้อที่ รพ.แม่ลาน้อย ก่อนกักตัวเองต่อมาผลตรวจพบติดเชื้อจึงเข้ารักษาตัวที่ รพ.แม่สะเรียง

กักตัว ตร.สน.พระราชวัง 37 คน

ที่ กทม. กรณี ผกก.สน.พระราชวัง พร้อมรอง ผกก. ติดเชื้อโควิด-19 รวม 7 คน และมีครอบครัวตำรวจติดเชื้ออีก 5 คน พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 สั่งการให้ตำรวจที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อดังกล่าวกักตัวรวม 37 คน และแต่งตั้ง พ.ต.อ. เกียรติคุณ สนธิเณร รอง ผบก.น.6 มารักษาการแทนในตำแหน่ง ผกก.สน.พระราชวัง ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ในส่วนของรอง ผกก.ป. รอง ผกก.สส. และรอง ผกก.จร. กำหนดให้ สว. แต่ละสายงานมารักษาราชการแทน

เพชรบุรียังอ่วมติด 95 ราย

ศบค.จังหวัดเพชรบุรี แจ้งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดอีก 95 ราย แยกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มโรงงาน 56 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 35 ราย ติดเชื้อนอกจังหวัด 24 ราย (พนักงานบริษัท โดลไทยแลนด์ จำกัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อ 14 ราย บริษัทเอเชียติคอุตสาหกรรม จ.สมุทรสงคราม 6 ราย) กลุ่มตลาด 16 ราย ติดเชื้อนอกจังหวัด 16 ราย จากตลาดคลองเตย 3 ราย ตลาดบางบอน 2 ราย ตลาดบางกะปิ กทม. 2 ราย ตลาดบางแค 1 ราย ตลาดดีเค กทม.จำนวน 4 ราย ตลาดนัมเบอร์วัน 1 ราย ตลาดพระประแดง 3 ราย และกลุ่มอื่นๆ 23 ราย (พูลวิลล่า 2 ราย สัมผัสติดเชื้อทั่วไป 21 ราย)

หมอ รพ.ประจวบฯ ติดโควิด

นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงกรณีมีนายแพทย์ระดับผู้บริหารของ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ ติดเชื้อโควิด-19 ว่าเพิ่งตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 7 ก.ค. เบื้องต้นพบว่าติดเชื้อจากการเปิดคลินิก คาดว่าจากคนไข้ที่มาตรวจการรักษาตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.

ปราจีนบุรีติดหลายกลุ่ม 81 คน

ด้านนายโชคชัย สาครพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี เผยสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 81 ราย มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ พนักงานโรงงาน พนักงานห้างร้าน รวมทั้งเด็ก 1 ขวบ เช่นเดียวกับที่ จ.สุพรรณบุรี พบผู้ติดเชื้อ 81 ราย

เครียดติดโควิดโดดน้ำตาย

ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 จ.นนทบุรี รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 231 ราย เป็นหญิง 118 ราย ชาย 113 ราย ผู้ป่วยติดเชื้ออายุต่ำสุด 11 เดือน สูงสุด 90 ปี และเมื่อคืนวันที่ 7 ก.ค. มีผู้พบศพนายลักษณะ บุณณะ อายุ 59 ปี ในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงท่าเรือพิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี ตำรวจตามญาติมาสอบสวนทราบว่านายลักษณะ เครียดที่ตรวจพบติดเชื้อโควิด รพ.แจ้งให้กักตัวรออยู่ในที่พักและจะส่งเจ้าหน้าที่มารับตัวไปรักษาแต่นายลักษณะมีอาการหายใจไม่ออกและขี่รถ จยย.ไปกระโดดสะพานกรุงธนฆ่าตัวตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค. และเพิ่งมาพบศพ

กทม.-ปริมณฑลรอมาตรการเข้ม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า วันที่ 8 ก.ค. ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด-19 หรือ “ศปก.ศบค.” ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็น ผอ.ศปก.ศบค. ได้สรุปสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 และรับข้อเสนอจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธาน เบื้องต้นข้อกำหนดใหม่ที่จะออกมาจะมีผลเฉพาะพื้นที่เสี่ยง คือ กทม. และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน ทั้งจำกัดการเดินทางออกจากบ้านไปในสถานที่เสี่ยง เพื่อลดการเคลื่อนที่ประชาชน ขอให้เวิร์กฟรอมโฮม 100 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น งานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้นซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาลและฉีดวัคซีน

ไม่เคอร์ฟิว-คนจำเป็นออกได้

สำหรับห้างสรรพสินค้าจะอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะส่วนซุปเปอร์มาร์เกต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดเช่นเดิม ร้านสะดวกซื้อจะมีกำหนดเวลาเปิด-ปิด พร้อมขอความร่วมมือ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัด ไม่ออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด จะเป็นช่วงเวลา 22.00-04.00 น. เน้นเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัดเท่านั้น เว้นแต่มีความจำเป็น แต่จะไม่ประกาศเป็นเคอร์ฟิว รวมทั้งการกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือที่สาธารณะ ทั้งนี้ มาตรการทั้งหมดจะเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 9 ก.ค. พิจารณาเป็นมติออกมา แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันทีจะให้เวลาเพื่อเตรียมตัว ขณะนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ อยู่ระหว่างการร่างข้อกำหนดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่ โดยจะคล้ายเมื่อเดือน เม.ย.63

สื่อมวลชนงดทำข่าวทำเนียบ

ส่วนของทำเนียบรัฐบาล จะยกระดับมาตรการป้องกันเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี (สลน.) ขอความร่วมมือช่างภาพสื่อมวลชน งดเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล เบื้องต้นเป็นเวลา 14 วัน โดยสำนักโฆษกจะเป็นผู้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆผ่านทางเว็บไซต์ ออนไลน์และสื่อต่างๆของทำเนียบรัฐบาล ในขณะที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอยู่ที่บ้านยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้น