ลูกอ๊อดกบ...หนึ่งสัตว์เศรษฐกิจท้องถิ่นอีสาน ตลาดมีความต้องการสูง ขายได้ทั้งในแบบให้ซื้อไปขุนเลี้ยงต่อ และนำไปประกอบอาหาร ได้ราคาดี กก.ละ 80 บาท หากแช่แข็งจะเพิ่มมูลค่าเป็น 240 บาท ปัจจุบันไม่ใช่ขายแต่ภาคอีสาน แต่มีลูกค้าวิ่งเข้าหาจากทุกภาคกลุ่มแปลงใหญ่ลูกอ๊อดบ้านหนองแต้ ต.นาขาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม ถือเป็นอีกกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ สามารถผลิตลูกอ๊อดได้ปีละประมาณ 180 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมปีละกว่า 14.40 ล้านบาท...สร้างกำไรเฉลี่ยรายละ 174,000 บาทต่อปี “ทำนาเป็นหลัก แต่มองว่า น่าจะทำอาชีพอื่นเสริมในช่วงหลังนา ใช้พื้นที่นาที่ไม่ได้ทำอะไรในนาแล้งให้เป็นประโยชน์ ในเมื่อที่นามีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้อยู่แล้ว กบรวมถึงลูกอ๊อดมีราคาค่อนข้างดี คนนิยมเอาไปทำอาหารได้หลากหลาย จึงทดลองโกยดินมาเป็นคันบ่อ แล้วเอาตาข่ายล้อมกั้นอาณาเขต ทดลองเลี้ยงเรื่อยมากว่า 15 ปี ลองผิดลองถูกมาตลอด พร้อมกับถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนบ้าน จนคนกว่า 80% ของหมู่บ้าน หันเลี้ยงกบกันเป็นอาชีพเสริม จึงรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนผู้เพาะเลี้ยงลูกอ๊อดกบกลุ่มแรกของประเทศไทย ที่ได้จีเอพี”สมชัย วงษ์สุข ผู้จัดการแปลงใหญ่ฯ เกษตรกรต้นแบบแห่งการเลี้ยงกบ บอกถึงที่มาของอีกอาชีพทำเงิน...วิธีการเพาะเลี้ยงลูกอ๊อด เริ่มจากการนำพ่อแม่พันธุ์กบ 300 คู่ มาปล่อยไว้ในแปลงนาที่ขุดเป็นบ่อเพาะเลี้ยงขนาด 4 × 15 เมตร สูง 40-50 ซม. (1 ไร่ มีบ่อเพาะเลี้ยง 20 บ่อ) ปล่อยน้ำสูง 7-10 ซม. เป็นเวลา 1 คืน เพื่อให้กบผสมพันธุ์วางไข่ตามธรรมชาติ ตอนเช้าจึงนำพ่อแม่พันธุ์ออกจากบ่อจากนั้น 1 วัน ไข่จะฟักออกเป็นตัวลูกอ๊อด โดยแม่พันธุ์กบ 1 ตัว ให้ผลผลิตลูกอ๊อดมากถึง 300-500 ตัว ในระยะเป็นลูกอ๊อดให้ปล่อยน้ำเพิ่มให้สูงระดับ 20-40 ซม. ให้อาหารปลาดุกเล็กเช้าเย็น แต่หากช่วงไหนร้อนจัดก็เพิ่มมื้อกลางวัน โดยให้อาหารตามความหนาแน่นของลูกอ๊อด หากพบว่าหนาแน่นเกินไปให้แยกบ่อ เพื่อไม่ให้ลูกอ๊อดกินกันเองใช้ระยะเวลาอนุบาล 18–20 วัน สำหรับกรณีจะขายเป็นลูกอ๊อด...แต่หากจะขายเป็นลูกกบให้เลี้ยงต่อไปอีก 20 วันขึ้นไป ระยะนี้จะเริ่มมีขางอกออกมา ให้นำทางมะพร้าว ผักบุ้ง หรือพืชน้ำ เพื่อให้ลูกกบเกาะพยุงตัวหมั่นตรวจสอบคุณภาพน้ำทุก 5-7 วัน อย่าให้มีของเสียสะสม หากเกิดฝนตกให้เปลี่ยนถ่ายน้ำ เพราะลูกอ๊อดอาจน็อกน้ำได้ ที่สำคัญควรผสมน้ำด้วยน้ำหมัก ปม. 1 เพื่อสร้างสมดุลของจุลินทรีย์ในสิ่งแวดล้อม ให้มีกลไกในการช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ ลดปริมาณเชื้อก่อโรค ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค สำหรับด้านการตลาด มีทั้งขายเพื่อนำไปประกอบอาหาร และนำไปเลี้ยงขุนต่อ ทั้งในรูปลูกอ๊อดมีชีวิตและแช่แข็ง ส่วนใหญ่ 85% ขายให้กับพ่อค้าในจังหวัดใกล้เคียง ที่ค่อนข้างนิยมนำมาประกอบอาหาร ขายให้กับพ่อค้าภายในท้องถิ่น 12% ที่เหลือ 3% ทำเป็นลูกอ๊อดแช่แข็ง เพื่อให้สามารถเก็บได้นาน ขายได้ทั้งปีแม้ในยามทำนา ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและภัตตาคาร ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และกรุงเทพฯ มียอดสั่งซื้อปีละกว่า 1,800 กก.หลังจากรวมกลุ่มแปลงใหญ่ฯ เมื่อปี 2560 ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกร 32 ราย พื้นที่เลี้ยงรวม 64 ไร่ โดยพื้นที่การเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดในนา 1 ไร่ มีต้นทุนการเลี้ยงเฉลี่ยไร่ละ 61,200 บาท ผลผลิตลูกอ๊อดเฉลี่ยบ่อละ 60 กก. (1 ไร่ มี 20 บ่อเพาะเลี้ยง และ 1 กก. ได้ลูกอ๊อด 450-500 ตัว) เกษตรกรมีกำไรไร่ละ 34,800 บาท สามารถเพาะเลี้ยงลูกอ๊อดได้ปีละ 5 ครั้ง ที่สำคัญเมื่อถึงฤดูทำนา น้ำและตะกอนในบ่อจะกลายเป็นปุ๋ยชั้นดี ช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง สนใจสอบถามได้ที่ 09-8221-7904 หรือ Facebook “ลูกอ๊อดบ้านหนองแต้”.กรวัฒน์ วีนิล