นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา (ศน.) ร่วมมือกับ ม.รามคำแหง สำรวจเด็กและเยาวชน อายุ 13 ปีขึ้นไป ทั้ง 5 ศาสนา เกี่ยวกับงานการนำหลักศาสนาไปปฏิบัติ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า เยาวชนให้ความสำคัญในงานด้านศาสนิกสัมพันธ์ เห็นว่าคนต่างศาสนากันยังไม่มีความเข้าใจกัน ทั้งระบบความคิด มุมมองทางศาสนา หลักการใช้ชีวิต และด้วยความสัมพันธ์ที่มีความเปราะบางทำให้เกิดความขัดแย้งในชุมชนและสังคม สะท้อนให้ ศน. หาแนวทางเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างศาสนิกชนเพื่ออุดจุดบอดดังกล่าว
อธิบดี ศน.กล่าวต่อว่า ในปี 2564 จะเริ่มปรับกระบวนทัศน์โครงการศาสนิกสัมพันธ์ ที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากรวมพลังองค์กร 5 ศาสนา แจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จัดกิจกรรมอบรมศาสนิกสัมพันธ์ จะต้องเพิ่มเติมการจัดกิจกรรมทางศาสนาตามบริบทของชุมชนนั้นๆ ดำเนินการผ่านศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด โบสถ์คริสต์ โดยให้ความรู้ สร้างความเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละศาสนา ระหว่างผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนก่อน และเผยแพร่ สืบทอดให้แก่เด็กและเยาวชนและประชาชน จากนั้น จะสร้างเครือข่ายศาสนิกสัมพันธ์ 5 องค์กรศาสนาให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้สนับสนุนการจัดเส้นทางท่องเที่ยววิถีธรรม พร้อมเปิดให้เยาวชนเข้าเยี่ยมชมศาสนสถาน ศึกษาวิถีชีวิต แลกเปลี่ยนแนวคิดของคนต่างศาสนา ตลอดจนเปิดรับข้อเสนอ และความต้องการของศาสนิกชน เพื่อเป็นแนวทางการสร้างความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ซึ่งเชื่อว่า หากคนแต่ละศาสนาได้พบปะกันบ่อยมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ก็เหมือนเป็นเพื่อน พี่น้องกัน เกิดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความสมานสามัคคี จะมีโอกาสสร้างความเข้าใจกันมากขึ้น และลดความขัดแย้งลงได้ในที่สุด
“ศน.จะร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติจัดทำโครงการเผยแพร่หลักศาสนาและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมโดยจะใช้ 4 ยุทธศาสตร์ ในการขับเคลื่อน ได้แก่ 1. วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย 2.สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ 3.สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และ 4.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก” นายกิตติพันธ์กล่าว.
...