สื่อสังคมออนไลน์มักใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายทำลายล้าง เพื่อสนองความเกลียดชัง ภาพด้านมืดขององค์กรตำรวจที่กระจายว่อนตามโลกโซเชียล รุมประณามพฤติกรรม ท่ามกลางกระแสโจมตี “เปื้อนสี” มีมลทินติดเครื่องแบบสีกากีกันชินตา แต่ดูเหมือนผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องกลับชินชาไม่หาทางแก้ไข ถนัดในเรื่อง “แก้ตัว” ทว่าไม่สร้างความเข้าใจแก่สังคม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังขาดการทำโซเชียลเชิงรุกปลุก “ภาพด้านสว่าง” มากกว่าเชิงรับ ทั้งที่มีเรื่องราวดีๆของตำรวจหลายอย่างให้นำเสนอ

กระดานไซเบอร์ของแต่ละหน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนเนื้องานประชาสัมพันธ์ตายสนิท

ยอดกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม ไม่ขยับเท่า “เพจอวตาร” ที่คอยปั่นงานด่าตำรวจด้านมืด

เหตุเพราะมองเกมผิด ไม่เข้าใจหลักการของกองสารนิเทศที่ต้องเป็น “แกน” ในการสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กรสะท้อนภาพการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เคียงข้างประชาชน

ไม่ใช่เอาใจป้อนแค่ภารกิจผู้บังคับบัญชา

ว่ากันว่าเกิดจากผลพวงใช้บุคลากรไม่ถูกกับงาน หลายคนจบนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ ประชาสัมพันธ์ มีความรู้ความสามารถ กลับเอาไปช่วยราชการหน้าห้อง “ผู้เป็นนาย” หรือย้ายไปสังกัดอื่น ส่วนที่เหลืออยู่กันเป็น “ซังกะตาย” เมื่อ “ผู้เป็นนาย” ไม่เห็นคุณค่า

“ผู้เป็นนาย” ที่ไม่รู้ว่า กองสารนิเทศ ควรจะเป็นอย่างไร มีความสำคัญแค่ไหนในโลกโซเชียลที่กำลังก้าวไปไกลไร้พรมแดน

ดังนั้น จำเป็นต้องสื่อสารให้ได้ว่าชาวบ้านได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่ตำรวจทำ

ล้าง “ภาพด้านมืด” สู่แสงสว่างใน “ด้านดี”

...

ลบรอยราคีที่ติดอยู่คาใจประชาชน.

สหบาท