ผมเพิ่งไปเที่ยวเกาะสีชังชื่อสีชังแต่บรรยากาศแสนโรแมนติก ยุคนี้อาจไม่นับเป็นเกาะยอดนิยมที่ต้องไปเช็กอิน แต่ถ้าย้อนหลังกลับไป 40 ปี หนุ่มสาวสมัยนั้นต้องไม่พลาด การเดินทางไปเกาะสีชังสะดวกมาก อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถแค่ 100 กิโลเมตรนิดๆไปที่ศรีราชา แล้วต่อเรือไปอีก 12 กิโลเมตร ประมาณ 40 นาทีก็ถึงแล้ว ใครมีเวลาไปเที่ยวสักครั้งจะประทับใจไม่ลืม

บนเกาะมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และที่เที่ยวชิกๆชิลๆหลายแห่ง ลองเปิดเว็บหรือยูทูบหาข้อมูลดูได้ วันนี้ผมจะยกตัวอย่างสัก 4-5 แห่ง เริ่มจาก พระจุฑาธุชราชฐาน สถานที่ประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเป็นพระราชวังแห่งเดียวที่สร้างอยู่บนเกาะ ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอใช้พื้นที่บางส่วนเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล และมีการปรับปรุงพระราชฐานขึ้นใหม่ จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์และโบราณสถาน ได้แก่ พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร เรือนไม้ริมทะเล เรือนวัฒนา เรือนผ่องศรี เรือนอภิรมย์

เดินชมพระจุฑาธุชราชฐานเสร็จแล้ว ก็ไปชมวิวทะเลถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ สะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวที่ถือเป็นสัญลักษณ์คู่เกาะสีชังไปแล้ว จุดชมวิวอีกแห่งที่พลาดไม่ได้คือ ช่องอิศริยาภรณ์ หรือ ช่องเขาขาด (หากออกเรือไปกลางทะเลมองเข้ามาจะเห็นภาพเป็นเขาที่ขาดออกจากกัน) เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดบนเกาะ มีมุมที่ชมความงามได้ 360 องศา มองเห็นทั้งเกาะ หน้าผา ทะเล รวมถึงสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์

ส่วนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ควรไปกราบไหว้ได้แก่ รอยพระพุทธบาทจำลอง ตามประวัติระบุว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ทรงอัญเชิญมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย และรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้เชิญรอยพระพุทธบาทขึ้นไปประดิษฐานบนไหล่เขายอดพระจุลจอมเกล้า เพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่พุทธศาสนิกชนสืบไป นอกจากนี้ยังมี ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เกาะสีชัง องค์เจ้าพ่อเป็นหินย้อยอยู่ในถ้ำ หันหน้าออกทะเล นักท่องเที่ยวหรือคนที่มาธุระล้วนต้องมากราบไหว้ เชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้ติดต่อกัน 3 ปี จะสมปรารถนาในสิ่งที่ขอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมาเลเซียและสิงคโปร์นับถือศรัทธาอย่างมาก

...

ปัจจุบันเกาะสีชังอยู่ใน แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ปัญหาที่ผมอยากสะท้อนให้เห็นในวันนี้คือ เกาะสีชังยังไม่มีน้ำประปา ทั้งๆที่เกาะอยู่ห่างจากฝั่งแค่ 12 กิโลเมตร ทำไมการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ไม่เดินท่อประปาไปที่เกาะ เทคโนโลยีสมัยนี้ทำได้ไม่ยากเลย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อทุกวันนี้คนบนเกาะสีชังต้องจ่ายเงินซื้อน้ำประปาในราคา 120 บาท/ลบ.ม. ขณะที่คนไทยทั้งประเทศใช้น้ำประปาในราคาเฉลี่ย 10 บาท/ลบ.ม. ถ้าอยู่คอนโดตึกสูงก็ประมาณ 20 บาท/ลบ.ม. นี่แหละความเหลื่อมล้ำ สิทธิไม่เท่าเทียมกัน คนจนบนเกาะซื้อน้ำประปาแพงกว่าคนรวยบนฝั่งนับสิบเท่า กปภ.ปล่อยให้อยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร ไม่สงสารเห็นใจบ้างหรือครับ

วัตถุประสงค์หลักในการก่อตั้ง กปภ.มี 4 ข้อคือ 1.สำรวจ จัดหาแหล่งน้ำดิบ และจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบเพื่อใช้ในกิจการประปา 2.ผลิต จัดส่ง และจำหน่ายน้ำประปาทั่วประเทศในส่วนภูมิภาค 3.ให้บริการและอำนวยความสะดวกต่างๆในการขอติดตั้งประปาให้แก่ประชาชน 4.ขยายเขตจำหน่ายน้ำประปาเพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างทั่วถึง

4 ข้อเขียนไว้โก้เก๋ แต่ทำไมจนป่านนี้เกาะสีชังไม่มีน้ำประปา?

น้ำประปาเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน รัฐวิสาหกิจมีหน้าที่จัดหามาบริการประชาชน ถ้า กปภ.ยังจัดหาให้ไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องแผนพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯเลยครับ อายนักท่องเที่ยวเปล่าๆ.

ลมกรด