ภาคใต้แหล่งปลูกยางพาราสำคัญของประเทศเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ให้ความรู้ชาวสวนยางดูแลสวนยางในช่วงฝนตกหนักมีน้ำท่วมขัง และเฝ้าระวังโรคใบร่วงไฟทอฟธอราฉวยโอกาสทำลายสวนยาง
“ด้วยธรรมชาติของต้นยางพาราเป็นพืชที่สามารถทนต่อน้ำท่วมขังได้พอสมควร ประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของต้นยาง ระดับน้ำและความยาวนานของน้ำที่ท่วมขัง ต้นยางที่มีอายุน้อยจะทนต่อการท่วมขังของน้ำได้น้อยกว่าต้นยางที่โตแล้ว อย่างยางพาราที่มีอายุ 2-8 เดือน สามารถทนน้ำท่วมได้ไม่เกิน 15 วัน และหากน้ำท่วมยอด ต้นยางจะตายภายใน 7 วัน”

ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผอ.สถาบันวิจัยยาง กยท. อธิบาย เมื่อต้นยางถูกน้ำท่วมจะส่งผลให้ก๊าซออกซิเจนในดินต่ำลง ทำให้พืชขาดก๊าซออกซิเจนที่นำไปใช้หายใจ อาจเกิดการเสียสมดุลของธาตุอาหารบางชนิด ทำให้ธาตุเหล็ก อะลูมินัม มีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นยางพาราโดยตรง
สังเกตได้จากต้นยางจะมีลำต้นแคระแกร็น ใบเหลืองซีด บางครั้งพบปลายยอดแห้งตาย รากเน่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรากฝอย หากท่วมขังเป็นเวลานานจะทำให้ต้นยางยืนต้นตายหรือต้นยางโค่นล้มเนื่องจากดินบริเวณโคนอ่อนตัว
...
“อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกษตรกรหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการฟื้นฟูสวนยางให้ดีขึ้นหลังจากน้ำลดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด จึงขอแนะนำเกษตรกรสำรวจความเสียหายสภาพสวนยาง เพื่อหาแนวทางในการฟื้นฟูและจัดการสวนยางหลังจากถูกน้ำท่วม กรณีน้ำท่วมสวนยางเกินกว่า 30 วัน เกษตรกรควรเร่งระบายน้ำออกจากสวน หากน้ำบริเวณรอบสวนยางมีระดับสูงกว่า ไม่สามารถระบายออกได้ ให้ขุดร่องน้ำกึ่ง-กลางระหว่างแถวยาง เพื่อให้น้ำระบายไปอยู่ในร่องที่ขุดไว้ โดยใช้แรงงานคนและเครื่องจักรขนาดเล็กเท่านั้น จากนั้นรอให้น้ำแห้งและดินแข็งตัวก่อนจึงเข้าไปปฏิบัติงาน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายรากโดยเฉพาะรากฝอยที่เจริญขึ้นมาใหม่”
ผอ.สถาบันวิจัยยาง กยท. ย้ำเตือนว่า ที่สำคัญในขณะที่ดินยังไม่แห้ง ไม่ควรใส่ปุ๋ยใดๆทั้งสิ้น...ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพ

เพราะจะทำให้ธาตุไนโตรเจนที่อยู่ในรูปไนเตรท และยูเรียเปลี่ยนรูปเป็นไนไตรท์ ซึ่งเป็นพิษต่อต้นยาง เนื่องจากต้นยางทรุดโทรมจากระบบรากที่ขาดก๊าซออกซิเจนอยู่แล้ว ยิ่งจะทำให้ต้นยางเสียหายมากขึ้น ต้นยางฟื้นตัวได้ช้าและต้นที่อ่อนแออาจจะตายได้...นอกจากนี้การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยคอก จะไปส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในดิน จุลินทรีย์จะไปแย่งออกซิเจน ส่งผลให้รากยางขาดออกซิเจนเพิ่มขึ้น
ดังนั้น เกษตรกรจึงไม่ควรใส่ปุ๋ยทันที ต้องรอให้ยางฟื้นตัวและแข็งแรงเสียก่อน โดยให้รีบใส่ปุ๋ยบำรุงทันทีในช่วงต้นฤดูฝนปีถัดไป
นอกจากนี้ ในช่วงหน้าฝนโรคยางพารามักระบาดในช่วงนี้ คือ โรคใบร่วงไฟทอฟธอรา (Phytophthora) เนื่องจากเชื้อโรคจะอาศัยน้ำและความชื้นในการขยายพันธุ์ ที่สำคัญความรุนแรงจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนและจำนวนวันฝนตก รวมถึงอุณหภูมิที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อ อยู่ระหว่าง 25-28 ํC

หากสภาพอากาศชื้นสูงต่อเนื่องติดกัน มีน้ำท่วมขัง หรือต้นยางได้รับแสงแดดน้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน พันธุ์ยางที่ปลูกอ่อนแอไม่ต้านทานโรค จะเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดการติดโรคนี้ได้
ลักษณะอาการสามารถสังเกตอาการได้เด่นชัดที่ก้านใบ จะปรากฏรอยแผลช้ำสีน้ำตาลเข้มถึงดำ ตามความยาวของก้านใบ แผลบริเวณที่เป็นทางเข้าของเชื้อมักมีหยดน้ำยางเล็กๆเกาะติดอยู่
การเข้าทำลายที่ก้านใบนี่เอง ทำให้เกิดใบร่วงทั้งที่ใบยังมีสีเขียวสดอยู่ และเมื่อสะบัดเบาๆ ใบย่อยจะหลุดออกจากก้านใบโดยง่ายต่างจากการร่วงโดยธรรมชาติ...บนแผ่นใบย่อยเชื้ออาจเข้าทำลายที่ปลายใบหรือขอบใบ เกิดแผลสีน้ำตาล มีลักษณะช้ำน้ำขยายติดต่อกันเป็นแผลใหญ่ทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดงก่อนที่จะร่วง
...
นอกจากนี้ยังพบว่า เชื้อนี้สามารถเข้าทำลายฝักยางได้ทุกระยะทำให้ฝักเน่า ถ้าความชื้นในอากาศสูงจะพบเชื้อราสีขาวเจริญปกคลุมฝัก ฝักที่ถูกทำลายจะเน่าดำค้างอยู่บนต้นไม้แตกและร่วงหล่นตามธรรมชาติ กลายเป็นแหล่งให้เชื้อโรคระบาดในปีถัดมาได้

สำหรับวิธีการป้องกันเชื้อไฟทอฟธอรา นางอารมณ์ โรจน์สุจิตร ผอ.ศูนย์วิจัยยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี บอกว่า เกษตรกรควรบำรุงรักษาสวนยางให้สมบูรณ์โดยใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฤดูฝนและปลายฤดูฝน เพื่อสร้างความทนทานแข็งแรงให้ต้นยาง
เกษตรกรในรายที่ปลูกพืชที่เป็นแหล่งอาศัยของเชื้อ เช่น ส้ม ทุเรียน พริกไทย ปาล์ม โกโก้ เป็นพืชแซมยาง ควรดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากอาจนำเชื้อมาระบาดสู่ต้นยางได้
“เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งในสวนยางให้อากาศถ่ายเท ให้แสงแดดส่องได้สะดวกทั่วถึง เพื่อลดความชื้นในสวนยาง หากพบว่าต้นยางติดโรคให้ใช้สารเคมี metalaxyl หรือ fosetyl-aluminium อัตราส่วน 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใบยางอ่อนเมื่อพบการระบาดทุก 7 วัน ส่วนในต้นยางใหญ่ที่เกิดใบร่วงอย่างรุนแรงเกิน 50% ควรหยุดกรีดยางทันที และบำรุงต้นยางให้สมบูรณ์” ผอ.ศูนย์วิจัยยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้คำแนะนำ.
...
ชาติชาย ศิริพัฒน์