โทรศัพท์ดังพร้อมกับเสียงโอดโอยโหยหวนจากเพื่อนเจ้าของรีสอร์ตที่ระยอง ว่าแขกโทร.มายกเลิกห้องจองทั้งหมด เพื่อนบ่นว่ารัฐบาลควรประกาศเจาะจงไปว่าที่ไหน ไม่ใช่ระยองทั้งจังหวัดมีปัญหา ซึ่งทำให้คนทั้งระยองเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของไทยดีขึ้นเรื่อยๆ เราไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกันนานนับเดือน จนไทยได้รับคำชมจากนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชมผู้ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอยู่แนวหน้า ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งอาสาสมัครชุมชนที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง และที่ได้รับคำชมมากก็คือ ประชาชนคนไทยที่การ์ดไม่ตก
แต่ผู้คนต้องตระหนกตกใจกันอีก เมื่อมีแนวโน้มว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบ 2 กลับมาเพราะความหละหลวมที่ปล่อยให้ผู้ติดเชื้อทหารอียิปต์และเยาวชน 9 ขวบ ซึ่งเดินทางฐานะคณะทูตจากซูดานเข้าไทยโดยไม่มีการกักตัวตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดไว้ ทำให้ระยองและกรุงเทพฯกลายเป็นพื้นที่เฝ้าระวังและสอบสวนโรค ความผิดพลาดเล็กน้อย แต่ส่งผลมหาศาลครั้งนี้ผมไม่แน่ใจว่าแค่คำขอโทษจะพอต่อความรับผิดชอบนี้หรือเปล่า
รัฐบาลไทยประกาศให้ระยองเป็น 1 ใน 3 จังหวัด (ฉะเชิงเทราและชลบุรี) เป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ทั้งพีอาร์ ทั้งประชาสัมพันธ์กันยกใหญ่ว่าจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน ทั้งไฟฟ้า ทั้งประปา จนถึงขนาดจะทำโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา
นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนยังหลับตาจินตนาการว่าภาคอุตสาหกรรมจะช่วยสร้างเงิน สร้างงานให้กับระยองมากมายมหาศาล ถ้าเกิดการระบาดของโควิด-19 สิ่งที่คาดหวังไว้ ก็คงไม่เป็นอย่างที่หวังในไวๆนี้แน่
กรุงเทพฯเองก็เพิ่งขยับเปิดร้านรวงได้ไม่เท่าไหร่ นี่ก็ต้องตั้งท่าเตรียมรับการล็อกดาวน์กันอีกรอบ ถ้ามีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น เรื่องเศรษฐกิจคงไม่ต้องพูดถึง เพราะจากรายงานของสำนักการคลังกรุงเทพมหานครก็คาดการณ์รายได้ของ กทม. ประจำปีงบประมาณ 2563 ไว้ว่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ลดเหลือ 6.8 หมื่นล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 8.3 หมื่นล้านบาท (ลดลงร้อยละ 18.07) ซึ่งถึงแม้จะลดเป้า แต่ก็ยังไม่รู้ว่า กทม.จะเก็บได้ตามที่ประมาณการหรือเปล่า แม้แต่กรุงเทพฯ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศก็ยังต้องประคองตัว ผมจึงนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าล็อกดาวน์กันอีกรอบ เราจะอยู่กันยังไง
...
ความประมาทและความย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎ ทำให้มาตรการที่ออกมาทั้งหมด รวมทั้งความร่วมมือของคนไทยทั้งชาติที่พร้อมใจกันอดทน อดกลั้น เสียสละ ฟันฝ่าร่วมกันอาจจะกลายเป็นศูนย์ แค่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดมาตั้งแต่ต้นปี ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการ หลายแห่งล้มละลาย ภาคการท่องเที่ยวพังยับเยิน นี่ยังไม่รวมจำนวนคนตกงานหลายล้านคนที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากเท่าทวีคูณ
คนที่ผมรู้จักมีทั้งเศรษฐีไปจนถึงคนหาเช้ากินค่ำ ทุกคนเจอเหมือนกัน คือเจอทุนรอนซึ่งเก็บหอมรอมริบมาเริ่มร่อยหรอ บางคนติดลบชักหน้าไม่ถึงหลัง ใช้ชีวิตโดยหวังว่าสักวันหนึ่งสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับมาเป็นปกติ แต่สิ่งที่ประชาชนคนไทยได้รับคือการตบหน้าจากความมีอภิสิทธิ์ของคนบางกลุ่ม การเลือกและละเว้นการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่แปลกครับ ที่ทัวร์จะลงกระหน่ำรัฐบาลในสื่อโซเชียลมีเดียทุกประเภท
ผู้มีอำนาจที่มีเงินเดือนประจำ ได้กินอิ่มทุกมื้อ มีที่ซุกหัวนอนทุกวัน ขอความกรุณาเห็นใจเพื่อนร่วมชาติที่เดือดร้อนด้วยเถิด ความประมาทของท่านอาจทำให้รัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งครั้งนี้คนไทยจะไม่ได้ตายด้วยโควิด-19 แต่จะอดตายกันหมด
หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ย่อมตามมาด้วย “ความรับผิดชอบ” ที่ยิ่งใหญ่ หากท่านมีจิตรับใช้ประชาชนดั่งที่เคยประกาศไว้ ท่านต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาชนสามารถพึ่งพารัฐบาลของท่านได้ เพราะถ้าไม่ได้นั่นคือวิกฤติศรัทธาของประชาชน
วิกฤติศรัทธาคือสิ่งที่จะทำให้รัฐบาลพังครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com