จากบทเรียนจากโศกนาฏกรรมเลือดกลางเมืองย่าโม

นายสมทบ ศิริวุฒิรังสรรค์ ชาวเมืองอุตรดิตถ์ เขียนจดหมายขอบคุณ สหบาท ที่นำเสนอบทความของ พ.ต.ต.หญิง สิริรัตน์ เพียรแก้ว สว.กก.1 บก.ตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ในตำราได้รับการฝึกอบรมหลักสูตรรับมือเหตุคนร้ายกราดยิงในที่สาธารณะ

ใครต้องทำอะไรบ้างเวลาเผชิญเหตุวิกฤติ

โดยเฉพาะประชาชนถ้าได้ยินเสียงปืนต้องวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด

ถึงกระนั้นก็ตาม ผู้อ่านท่านนี้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามีอยู่ว่า เมืองไทยมีปืนหลายล้านกระบอกจะยิงใครตายก็ได้ด้วยหรือ

เมื่อปรากฏข่าวยิงกันตายแทบทุกวัน

เขาอยากให้รัฐบาลหันมาเก็บภาษีผู้ครอบครองอาวุธปืน กระบอกละหมื่นบาทและขึ้นภาษีร้อยละ 5 ทุกปี

ขณะเดียวกัน ให้รัฐบาลจัดงบประมาณจากเงินภาษีดังกล่าว ประกาศใช้มาตรการเรียกซื้อคืน “ปืนเถื่อน” โดยไม่มีความผิด

หากเพิกเฉยไม่มาขายคืนเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกจับต้องดำเนินคดีขั้นเฉียบขาด

เช่นเดียวกับ “ใครฆ่าใครตาย” จำเป็นต้องใช้ “ยาแรง” ด้วยโทษประหารชีวิต

เหมือนโทษสถานหนักของหลายประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ประชาชนเข็ดขยาดต่อการกระทำความผิดด้วยความรุนแรงในการใช้อาวุธปืน

เหล่านี้น่าจะส่งผลดีเป็นประโยชน์ต่อสุจริตชนไม่ต้องกังวลหวาดกลัวผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และแก๊งคนร้ายใจอำมหิตสารพัดรูปแบบ

บางทีภารกิจ “หยุดยั้งการฆ่า หยุดยั้งการตาย” การบังคับใช้กฎหมายก็มีส่วนสำคัญ

วันแห่งภาพฝันร้ายจะได้ไม่เกิดซ้ำซาก.

สหบาท

...