รมช.สธ.มั่นใจรับมือ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” จากจีนไหวอยู่ ขณะที่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 เพิ่ม 1 คน นับเป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 5 เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน มาเที่ยวไทยกับลูกสาววัย 7 ขวบ เริ่มมีอาการป่วยไข้สูงถูกส่งเข้ารักษาที่ รพ. เมื่อ 23 ม.ค. แต่ลูกสาวอาการปกติ นายกฯกำชับกระทรวงสาธารณสุขรับมือ “โคโรนา” ต่อเนื่อง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีน โดยเมื่อวันที่ 24 ม.ค. รัฐบาลจีนได้สั่งปิดกั้นการคมนาคมเพิ่มเป็น 13 เมือง ในมณฑลหูเป่ย พื้นที่ต้นตอการระบาด กระทบต่อการสัญจรของชาวบ้านกว่า 41 ล้านคน

สำหรับบรรยากาศในพื้นที่เมืองอู่ฮั่น หลังถูกปิดกั้นการคมนาคมทุกช่องทาง ทั้งรถยนต์ รถโดยสาร รถไฟ เรือ และสายการบินนั้น ชาวบ้านต่างกักตุนซื้อข้าวของที่จำเป็น จนร้านค้าหลายแห่งสินค้าหมดสต๊อก ขณะที่โรงพยาบาลต่างๆเต็มไปด้วยผู้คนสวมหน้ากากอนามัย ต่อคิวรอรับการตรวจ มีรายงานด้วยว่า โรงพยาบาลบางแห่งถึงขั้นขอร้องให้ผู้มาติดต่อเดินทางกลับบ้านไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถรับรองคนไข้ได้อีกและมีโรงพยาบาลอย่างน้อย 8 แห่ง ที่ประกาศผ่านเว็บไซต์ ขอรับบริจาคหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อ เช่นเดียวกันศูนย์ควบคุมและบัญชาการโรค ที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกิจในเมืองหวงกังเรียกร้องขอเงินบริจาค เพื่อจัดหาอุปกรณ์การแพทย์เพิ่ม

สื่อรัฐบาลจีนซีซีทีวี รายงานด้วยว่า รัฐบาลมีคำสั่งเร่งด่วนให้สร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในเมืองอู่ฮั่น เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โดยต้องสร้างให้เสร็จภายในวันที่ 3 ก.พ.โดยจะใช้รูปแบบเดียวกับโรงพยาบาลเซียวถังชาน ในกรุงปักกิ่ง ที่สร้างฉุกเฉินในการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส เมื่อปี 2546 รับคนไข้ 1,000 เตียง

...

วันเดียวกัน คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรคมรณะครั้งนี้ เพิ่มเป็น 26 คน ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 830 คน จากจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว มี 2 คนที่เสียชีวิตนอกพื้นที่การแพร่ระบาดในมณฑลหูเป่ยเป็นครั้งแรก คือในมณฑลเหอเป่ย 1 คน มณฑลเฮยหลงเจียง 1 คน

ขณะที่ทางการกรุงปักกิ่งได้สั่งปิดสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม คือกำแพงเมืองจีนบางส่วน สุสานราชวงศ์หมิง หลังมีการประกาศปิดพระราชวังต้องห้ามไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ทางการกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ ยังออกคำแนะนำให้พลเมืองที่เดินทางมาจากพื้นที่การแพร่ระบาดในมณฑลหูเป่ย อยู่แต่ในที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน

ขณะเดียวกัน ยังพบชาวจีนผู้ติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเวียดนาม 2 คน หลังพบผู้ติดเชื้อทั้งในไทย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นออกแถลงการณ์แนะนำพลเมืองงดการเดินทางไปยังมณฑลหูเป่ยของจีน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำฝรั่งเศส เร่งตามหาหญิงชาวจีนรายหนึ่งในเมืองลียงของฝรั่งเศส เพราะเจ้าตัวโพสต์ลงโซเชียลมีเดียจีน ว่าเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นและมีไข้ แต่โชคดีที่ยาลดไข้ออกฤทธิ์ทันเวลา จึงสามารถผ่านด่านตรวจโรคในสนามบินฝรั่งเศสมาได้ ต่อมาสถานทูตจีนระบุว่าพบผู้หญิงดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ามีอาการทรงตัว แต่ไม่ยืนยันว่าติดเชื้อโคโรนา สายพันธุ์ใหม่หรือไม่

ส่วน ดร.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า กรณีการแพร่ระบาดครั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลก เนื่องจากผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนยังมีจำนวนน้อย ขณะที่นายทาริก จาซาเรวิก โฆษกองค์การอนามัยโลก แถลงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าไวรัสมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

สำหรับสถานการณ์ที่เมืองไทย วันเดียวกัน กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ออกประกาศเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปจีน ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น พร้อมให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ออกประกาศเรื่องการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า คณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติของจีน ประกาศยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV ทั่วทั้งประเทศจำนวนทั้งสิ้น 830 ราย ป่วยอาการหนัก 177 ราย เสียชีวิต 25 ราย มีบุคคล 9,507 รายใกล้ชิดกับผู้ป่วย ได้เข้ารับการสังเกตอาการแล้ว ผลปรากฏมีผู้ไม่ติดเชื้อ 1,087 ราย และมีบุคคลอยู่ระหว่างเฝ้าสังเกตอาการอีก 8,420 ราย ขอแจ้งคนไทยในจีน โดยเฉพาะที่อาศัยในเมืองอู่ฮั่นและพื้นที่ใกล้เคียง ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยในไทย 4 ราย มี 1 ราย เป็นชาวจีน ขณะนี้เฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาลราชวิถีอีก 1 รายพบที่ จ.นครปฐมอยู่ระหว่างรักษาตัว ขอให้ความมั่นใจว่าเราสามารถรับมือได้ เพราะมีมาตรการคัดกรอง และกักตรวจโรคผู้ที่มีอาการน่าสงสัย โดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางมาจากแคว้นอู่ฮั่นทั้ง 3 สนามบิน ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และดอนเมือง จะมีช่องทางพิเศษคัดกรอง ถ้าพบสงสัยจะกักไว้ตรวจโรคและสังเกตระยะฟักตัว แต่ถ้าพบมีไข้ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจ ย้ำว่าเรามีมาตรการรับมือที่ควบคุมได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป

...

ต่อมานายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ รพ.ราชวิถีและเผยว่า มีผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวันที่ 23 ม.ค. เป็นหญิงอายุ 33 ปี มีไข้ไอเล็กน้อยไม่มีน้ำมูกมีปวดกล้ามเนื้อ เป็นนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองอู่ฮั่น มาเที่ยวเมืองไทยเมื่อวันที่ 21 ม.ค. พร้อมลูกสาวอายุ 7 ขวบ เด็กสบายดี ผู้ป่วยมีไข้ต่ำ อาการทั่วไปดี ไอเล็กน้อย มีเสมหะ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นับเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 5 ของประเทศ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า ติดตามสถานการณ์ #ไวรัสโคโรนา มาตลอด ได้กำชับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมความพร้อมและปรับแผนรับมือตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ที่ผ่านมา สธ.@pr_moph ได้ออกมาตรการป้องกันและปฏิบัติตั้งแต่ต้นปี เน้นตรวจคัดกรอง ณ ท่าอากาศยาน 5 แห่ง และด่านตรวจคนเข้าเมือง ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับ 3 พร้อมแจ้งเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่ระบาด และให้โรงพยาบาลทั่วประเทศเตรียมแผนรับมือตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ทุกคนร่วมมือกันดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีคนเยอะ หมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น รักษาร่างกายให้อบอุ่นและพักผ่อนให้เพียงพอ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อสายด่วน 1422