ภาพ : วิถีชีวิตชาวประมงและทิวทัศน์ชายฝั่ง บ้านบากันใหญ่ หมู่ 2 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล มีความสวยงามทางธรรมชาติและน้ำทะเลใส ยังคงมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอยู่.
ทะเลอันดามัน...มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ในแต่ละปีมี นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปพักผ่อนจำนวนมาก เพราะนอกจาก จะได้สัมผัสกับธรรมชาติของท้องทะเลที่สวยงามแล้ว ยังมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นให้ได้ชมด้วย
บ้านบากันใหญ่ หมู่ 2 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ เป็นเกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน ไม่ห่างไกลจากชายฝั่งมากนัก หากนั่งเรือหางยาวจากฝั่ง บริเวณท่าเรือบ้านทุ่งริ้น หมู่ 1 ต.สาคร อ.ท่าแพ จ.สตูล จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ถ้าเป็นเรือเร็วหรือสปีดโบ๊ตจะใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที

...
ที่นี่เป็นชุมชนชาวประมงเล็กๆ มีประมาณ 55 ครัวเรือน แต่มีความ หลากหลายด้านธรรมชาติที่สวยงาม บ้านเรือนสะอาด ชาวบ้านมีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรกับผู้ไปเยือนและนักท่องเที่ยวทุกคน
ที่สำคัญอาหารทะเลสมบูรณ์ มีหอย ปู ปลา กุ้ง ปลาหมึก โดยเฉพาะปูม้า มีรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น ทั้งนี้ ชาวประมงพื้นบ้านจะออก ทะเลหาอาหารทะเลสดๆเป็นๆแบบวันต่อวัน

ปัจจุบันชาวบ้านได้จัดตั้งเป็น “ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบากันใหญ่” มี นายอดุลย์ ชนะบัณฑิต เป็นประธานศูนย์ฯ และเป็นแกนหลักในการ จัดตั้งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
นักท่องเที่ยวสามารถไปชมวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านได้ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีโฮมสเตย์ไว้คอยบริการสำหรับเป็นที่พัก รวมทั้งยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติและที่สำคัญได้รับประทานอาหาร ทะเลสดๆที่ชาวประมงพื้นบ้านนำขึ้นมาจากทะเล นำไปปรุงอาหารให้นักท่องเที่ยวได้ชิมรสชาติแบบวันต่อวัน

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังได้เดินชมทะเลแหวก ที่มีรูปร่างคล้าย สันหลังมังกรสีแดง ช่วงน้ำลงจะ มองเห็นสันทรายทอดยาวจากฝั่งบ้านบากันใหญ่ลงไปในทะเล ลักษณะคล้าย มังกร ความยาว 150 เมตร ด้านหัวมังกรกว้าง 20 เมตร กลางตัวกว้าง 4 เมตร ที่ปลายหางกว้าง 2 เมตร
โดย ส่วนหัวมังกร จะพาดบนแผ่นดินใหญ่ ส่วนปลายหางจะทอดยาวลงไปในทะเล เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว
...

นายอดุลย์ ชนะบัณฑิต ประธานศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านบากันใหญ่ เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้รวมตัวกันจัดท่องเที่ยวแบบชุมชนเชิงนิเวศ ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักบ้านบากันใหญ่มากขึ้น มีนักท่องเที่ยวไปรับประทานอาหารทะเลสดๆ ในราคากันเองและพักโฮมสเตย์มากขึ้น
ไฮไลต์ของที่นี่คือ การได้เดินตากอากาศบริเวณ สันทรายสีแดง ที่ทอดยาวออกไปในทะเล ชาวบ้านเรียกว่า “สันหลังมังกรแดง” มีแห่งเดียว ในประเทศไทย และสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี
สำหรับรายได้ที่ได้จากนักท่องเที่ยวก็จะ นำมาเฉลี่ยให้ชาวบ้านในแต่ละส่วน เช่น ชาวประมงก็จะเฉลี่ยให้ในส่วนของอาหารทะเล ที่พัก โฮมสเตย์ก็จะเฉลี่ยให้เจ้าของที่พัก แม้กระทั่งแม่บ้านแม่ครัว หรือผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากอาชีพประมง
...
คาดว่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมมากขึ้น เพราะการเดินทาง สะดวกสบาย มีเรือบริการตลอดเวลา และหากนักท่องเที่ยวมีเต็นท์ก็สามารถกางนอนได้

นายศักระ กปิลกาญจน์ รอง ผวจ.สตูล ซึ่งนำสื่อมวลชนไปสัมผัสธรรมชาติที่นี่ กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมในแนวคิดของชุมชนที่มีส่วนร่วมจนเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และร่วมกัน อนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่มีค่าด้วยการ บริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง
...

มีเอกลักษณ์ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการอนุรักษ์ปูม้า และยังเป็นแหล่งอาหารทะเลที่มีความสดใหม่ เชื่อว่าในอนาคตนักท่องเที่ยวจะเข้ามาที่ชุมชนบากันใหญ่แห่งนี้เป็นจำนวนมากแน่นอน
ที่สำคัญอยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการ ขับเคลื่อนร่วมกันให้เกิดกระแส “บากันใหญ่ มากันใหญ่” ต่อไปในอนาคตด้วย
ด้าน นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายก อบจ.สตูล กล่าวว่า อบจ.สตูลได้สนับสนุนกิจกรรม ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวบ้านบากันใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง เช่น สนับสนุนจัดงาน “เปิดม่านบากันใหญ่ เทศกาลกินปูและอาหารทะเล”
จัดมาแล้ว 2 ครั้ง ได้รับการตอบรับจาก นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ต่อไปจะจัดให้ถี่ขึ้น เช่น กิจกรรมวิ่งบนเกาะเมื่อนักท่องเที่ยวไปวิ่งจะได้ เที่ยวชมพักผ่อนได้ด้วย

“นักท่องเที่ยวรู้จักแหล่งท่องเที่ยวชุมชนบ้านบากันใหญ่มากขึ้น เพราะชุมชนมีความพร้อม ให้บริการนักท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจุบันมีที่พัก แบบโฮมสเตย์ให้บริการ แต่หากมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอาจจะกางเต็นท์นอนบริเวณริมชายทะเล ได้อีกด้วย” นายสัมฤทธิ์ กล่าว
“บ้านบากันใหญ่” จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ.
สุรศักดิ์ สลีมีน