(ภาพ: สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย ผู้แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเปิดโครงการ “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 2” ที่วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย.)
ด้วยศรัทธาที่รอคอย ภาพที่ชาวพุทธทั้งมวลคาดหวังไว้ว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็นแล้วจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน แต่ได้เกิดขึ้นให้เห็นอย่างเต็มตาแล้ว เป็นภาพที่บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า “เหนือคำบรรยาย” จริงๆ
เมื่อโครงการ “ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ลุ่มน้ำโขง ไทย เมียนมาสปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา ครั้งที่ 2” ที่มูลนิธิวีระภุงค์, สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย, ชมรมโพธิคยา และหมู่มวลชาวพุทธทุกภาคส่วนจาก 5 ประเทศร่วมกันจัดขึ้น
ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2562 ณ วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย ผู้แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

...

เพียงแค่วันแรกของพิธีเปิดโครงการก็กลายเป็นปรากฏการณ์ในความศรัทธาอันเปี่ยมล้นของ “ชาวพุทธ” ออกมาให้เห็น รวมไปถึงความสมัครสมานสามัคคีที่มีความแนบแน่นของชาวพุทธด้วยกัน แม้จะต่างกันด้วยวัฒนธรรมกัน
นี่คือภาพแห่งความเป็นจริงที่ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ ซึ่งปรากฏต่อหน้าชาวพุทธทั้งมวลบนแผ่นดินล้านนา ที่ จ.เชียงราย และที่ จ.ท่าขี้เหล็ก เมืองเชียงตุง รัฐฉานของสหภาพเมียนมา ที่มีเขตติดต่อกันของทั้งสองประเทศ
พลังศรัทธาของชาวพุทธทั้งสองประเทศตลอดเส้นทางกว่า 2 หมื่นคน เข้าร่วมต้อนรับและเข้าร่วมพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 5 แผ่นดินกว่า 400รูปกันอย่างเนืองแน่น ต่อเนื่องกันยาวกว่า 5 กม. ตั้งแต่ฝั่งไทยไปจนถึงฝั่งเมียนมา
ความสวยสดหมดจดงดงามในวิถีพุทธนี้ บ่งบอกอะไรหลายอย่างที่ถือเป็นความสำเร็จของคณะทำงานทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งมีเป้าหมายง่ายๆแต่ยิ่งใหญ่คือ การทำให้แผ่นดินทั้ง 5 ประเทศ ยึดมั่นในพระพุทธองค์ และ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วยวิถีพุทธ

...

ภาพของชาวล้านนาและข้ามฝั่งไปยังเมียนมาดูกระตือรือร้นล้น รวมพลังกันทำให้การธรรมยาตราครั้งนี้ บรรลุผลตามเป้าหมายแบบ หาสิ่งที่บกพร่องแทบไม่เจอ โดยเฉพาะ มรภ.เชียงราย ที่จัดขบวนแห่ตามรูปแบบชาวล้านนาได้อลังการสุดๆ
ขณะที่ 5 ชนเผ่าของ อ.แม่สาย ทั้งชนเผ่าไทยใหญ่, ชนเผ่าไทยลื้อ,ชนเผ่าปะหล่องหรือดาราอั้ง, ชนเผ่าจีนยูนนาน และชนเผ่าอาข่า เมื่อทราบถึงการมาของคณะธรรมยาตรา พากันแต่งกายชุดของชาติพันธุ์แต่ละชนเผ่ามาร่วมกว่า100คนด้วย
ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก และเมืองเชียงตุง รัฐฉานของสหภาพเมียนมาเห็นได้ชัดเจนว่าชาวพุทธที่นั่นสุดแข็งแกร่ง เพราะแทบจะปิดเมืองร่วมปฏิบัติศาสนกิจตามวิถีพุทธกับคณะธรรมยาตราได้แบบต้องจำติดตาไปอีกนาน
...


...
ทั้งนี้ ดร.คิน ฉ่วย ประธานสมาพันธ์พุทธเถรวาทแห่งสหภาพเมียนมา ระบุว่า ศาสนาพุทธมีความสำคัญอย่างมากในเมียนมา ตนรู้สึกดีใจที่ธรรมยาตราครั้งนี้ ให้เกียรติเมียนมาเป็นประเทศแรก ชาวเมียนมาหลายหมื่นคนได้ออกมาแสดงพลังให้เห็นแล้วถึงความศรัทธาอันแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา
สำหรับวันที่ 21 ต.ค. คณะจะธรรมยาตราต่อไปเพื่อปฏิบัติศาสนกิจ และปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่วัดหลิ่น กวาง และ วัดหลิ่น เซิน จ.เดียนเบียนฟูของเวียดนาม พร้อมเจริญพระพุทธมนต์ อุทิศส่วนกุศลแก่ ผู้เสียชีวิตในสงครามเดียนเบียนฟู
ส่วน ชาวพุทธไทย บนแผ่นดิน ลุ่มน้ำโขงภาคอีสาน จะได้เข้าร่วมกิจกรรมอีกครั้ง ทำบุญตักบาตร ฟังการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์จาก 5 แผ่นดินได้อย่างมีความสุขหลังคณะจบภารกิจธรรมยาตราที่ นครหลวงเวียงจันทน์


โดยวันที่ 27 ต.ค. เวลา 09.30 น. คณะจะธรรมยาตราสู่ป่า วังนาคินทร์คำชะโนด จ.อุดรธานีเพื่อประกอบพิธีบวงสรวง ปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมาก่อนจะธรรมยาตราไปเวียนเทียนรอบองค์ พระธาตุเชิงชุม พร้อมปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จ.สกลนคร
วันที่ 28 ต.ค. เวลา 10.00 น. ธรรมยาตราไปยัง วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.นครพนม เวลา 15.00 น.เจริญพระพุทธมนต์และแผ่เมตตาจิต ที่บ้านลุงโฮจิมินห์ เวลา 18.00 น. สวดบูชาพระธาตุ ห่มผ้าพระธาตุ และเวียนเทียนที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
วันที่ 29 ต.ค. เวลา 06.00 น. พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 5 แผ่นดิน ณ อนุสาวรีย์พญาศรีสัตตนาคราช เสร็จแล้วธรรมยาตราต่อไปยัง จ.เสียมราฐ กัมพูชา พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 5 แผ่นดิน และพระสงฆ์กัมพูชาอีก 500 รูป ที่ศาลหลักเมืองเสียมราฐ ในวันที่30ต.ค.


ต่อด้วยพิธีปิดโครงการโดย สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชา เทพวงศ์ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ สมเด็จพิชัยเสนา พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่โรงแรมโซฟิเทล อังกรอ โภคีธรา
ขณะที่ นายวินัย วีระภุชงค์ ประธานมูลนิธิวีระภุชงค์ เปิดใจว่า ถือเป็นความสุขอีกครั้งของชีวิต ที่ได้เห็นชาวพุทธบนแผ่นดินลุ่มน้ำโขง ยึดมั่นในวิถีพุทธกันอย่างเหนียวแน่น ภาพที่ปรากฏให้เห็นทำให้ตนมั่นใจว่า วิถีพุทธจะยังคงอยู่อย่างยืนยาวสืบต่อไป และธรรมยาตราครั้งนี้จะเป็นตัวช่วยเติมพลังให้ชาวพุทธทั้งในด้านธรรมะ และด้านวิถีความเป็นอยู่ร่วมกันอย่างสันติสงบสุข

ส่วน นายสุภชัย วีระภุชงค์ กล่าวย้ำว่า “ผมขอยืนยันอีกครั้ง งานธรรมยาตราถือเป็นการรวมพลังอันยิ่งใหญ่ของกุศลเจตนาโดยวางจิตตั้งมั่นไว้ด้วยเป็นพุทธบริษัทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นเสมือนบิดา และล้วนแต่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขงหล่อเลี้ยงด้วยกันทั้งสิ้น ดุจเสมือนมีมารดาเดียวกัน”
ดังนั้น จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกท่านไปมีส่วนร่วมธรรมยาตรากับพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกาจาก 5 แผ่นลุ่มน้ำโขง ครั้งประวัติศาสตร์นี้กันตามวันเวลาดังกล่าว
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.
เด่นชัย เด่นชัยประดิษฐ์