กลายเป็นข่าวมีการเผยแพร่มาเป็นคลิปในโลกโซเชียลว่า มีเรือประมงและคนงานในเรือจับโลมาจำนวนหลายตัวขึ้นมาบนเรือ เหตุเกิดน่านน้ำประเทศมาเลเซีย กรมประมงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การประมง 2558 จึงได้ทำการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ สื่อมวลชนและสังคมให้ความสนใจ อีกทั้งเหตุเกิดเกี่ยวพันหลายพื้นที่ มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน
เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ศูนย์บัญชาการการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษประมง ทำการสืบสวน นำคลิปข่าวไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนหนึ่งประสานงานกับกรมประมงและทางการมาเลเซียเพื่อขอข้อมูล
ได้ข้อมูลว่า เรือลำที่เกิดเหตุในอดีตเป็นเรือประมงสัญชาติไทยชื่อว่า ส.พรเทพนาวี 9 และปี 2560 ได้เปลี่ยนไปเป็นเรือประมงมาเลเซีย ชื่อ KNF7779 แม้เหตุอาจจะเกิดนอกน่านน้ำไทย และเรือประมงที่เกิดเหตุนั้นเป็นเรือต่างประเทศ
แต่กฎหมายไทยก็ยังสามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดที่เป็นคนไทยได้
ศาลไทยมีอำนาจพิพากษาคดีได้
หากมองภาพเหตุการณ์ล่าสัตว์น้ำในทะเล บางส่วนอาจจะมองเป็นเรื่องเล็ก ไม่ใช่คดีสำคัญ แต่ถ้ามองในภาพรวมของโลมา สัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ ที่ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือประมง การฝ่าฝืนของเรือประมงเข้าข่ายผิดกฎหมาย
คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ทำผิดคนไทย 2 คนคือ นายธนัญชัย หรือไต๋หาร มิ่งมิตร ไต๋เรือลำที่เกิดเหตุ และ นายสันติ หรือไต๋ติ บัวผุด ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานของเรือ
...
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า “ร่วมกันจับโลมา และนำโลมาซึ่งเป็นสัตว์น้ำชนิดที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ขึ้นเรือประมงโดยไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อการช่วยชีวิต”
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาคือ นายธนัญชัย หรือไต๋หาร รับว่าเป็นไต๋เรือ นายสันติ หรือไต๋ติ ก็รับว่าเป็นหัวหน้าคนงานของเรือลำที่เกิดเหตุจริง เป็นผู้สั่งการในคลิป ให้คนงานในเรือเอาโลมาที่ติดอวนขึ้นมาบนเรือจริง
ถือว่าเป็นอีกคดีของตำรวจที่สมควรได้รับคำชมเชยที่ติดตามเรื่องนี้
ไม่ปล่อยให้เงียบหายไป.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th