“อาชีพเดิมแรกเริ่มทำไร่แตงโมกันมาตั้งแต่ปี 2528 ทุกรอบหลังเก็บผลผลิต ต้องย้ายแหล่งปลูกที่เช่าไว้ตามจังหวัดต่างๆ ทั้งชัยนาท กำแพงเพชร สระบุรี ทุก 3 ปี จึงเวียนกลับมาปลูกซ้ำใหม่ได้ กระทั่งปี 2548 แตงโมมีราคาถูกลงเรื่อยๆ การเช่าที่ทิ้งไว้เพื่อรอการกลับมาปลูกแตงโมเริ่มไม่คุ้มการลงทุน”

ป้าเกษร มหาพล เกษรเมล่อนฟาร์ม วิสาหกิจกลุ่มผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง ต.แจงงาม อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี เล่าต่ออีกว่า บังเอิญในปีนั้นมีโครงการจากรัฐ ร่วมกับ บ.เจียไต๋ เปิดตลาดเมล่อน...ทีมงานเจ้าหน้าที่จากบริษัท เข้ามาติดต่ออธิบายอยู่นานถึง 2 เดือน แต่ก็ปฏิเสธเรื่อยมา

จนกระทั่งคิดได้ว่า ปลูกแตงเมล่อนก็เหมือนปลูกแตงโม มีข้อดีไม่ต้องย้ายที่ปลูก ไม่ต้องใช้ยาเคมี และยังได้ทำงานอยู่กับบ้านได้...หลังตัดสินใจจึงไปขอการรับสนับสนุนเงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำ จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

...

ได้เงินมาสร้างโรงเรือนผ้าใบสีขาว ขนาด 40×80 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ สร้างโรงปลูกเมล่อนได้ 8 หลัง แต่ละหลังปลูกเมล่อนได้ 850 ต้น...สร้างโรงเรือนลดความเสี่ยงจากโรคเชื้อรา เพลี้ย และแมลง

ซึ่งเป็นปัญหาการผสมเกสรไม่ติด ดอกร่วง “หลังจากปลูกเมล่อนชุดแรก 8 โรงเรือน เจอปัญหาเกิดไวรัส สาเหตุเพราะมีแมลงหวี่ขาวมาวางไข่ข้างมุ้งที่คลุมโรงเรือน ลูกแมลงหวี่ที่ฟักออกมา เข้าโรงเรือนได้และไปตอมดอกดูดน้ำเลี้ยงเสียหายทั้งหมด ต้องมาปรับพื้นที่ใหม่เปิดผ้าข้างโรงเรือนให้แสงแดดส่อง ลมโกรก นาน 15 วัน เริ่มปลูกแตงเมล่อนชุด 2 อีกหน ครั้งนี้เจ้าหน้าที่จากบริษัทมาแนะนำตลอด แทบจะทุกวันก็ว่าได้ แนะนำกันตั้งแต่ปรับหน้าดิน วางระบบน้ำหยด คลุมพลาสติกแปลง แต่ละรุ่นต้องลงทุน 50,000 บาท รุ่นนี้ขายแตงเมล่อนได้ 70,000 บาท กระทั่งเมล่อนรุ่น 3 เริ่มเข้าใจธรรมชาติรู้จักดูแลจัดการ หนนี้หักต้นทุน ได้กำไร 120,000 บาท”

ภายใน 3 ปี สามารถเคลียร์หนี้สินได้ทั้งหมด จึงเริ่มเรียกลูกๆกลับมา แล้วขยายโรงเรือนเพิ่มขึ้น 30 หลัง

เมล่อนทุกรุ่นที่ได้กำหนดเก็บขาย ป้าเกษร บอกว่า จะใช้เครื่องมือสุ่มวัดความหวานต้องไม่ต่ำกว่า 13 บริกซ์ จึงจะผ่านเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด โดยแบ่งเป็นเกรด A น้ำหนัก 1.5-2 กก. เกรด B น้ำหนัก 1.2-1.4 กก. ส่วนที่ตกเกรดจะขายให้แม่ค้าค้าเร่ จาก จ.กาญจนบุรี กทม. นครปฐม และออกร้านขายกับลูกๆตามงานต่างๆ สนใจโทร.08-3317-7829.

เพ็ญพิชญา เตียว