เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา หัวหน้าทีมซอกแซกได้รับการ์ดฉบับหนึ่งจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เชื้อเชิญไปร่วมงานฉลองครบรอบ 40 ปี ที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ตั้งแต่เวลา 18.30 น.เป็นต้นไป

ตัดสินใจรับเชิญทันที เพราะมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ขององค์กรนี้มานานมาก จะบอกว่าตั้งแต่แรกตั้งเลยก็คงจะได้กระมัง

ก็นึกว่าจะไปพบปะทักทาย และแสดงความคารวะต่อผู้บริหาร ปตท. โดยเฉพาะผู้บริหารรุ่นเก่าๆที่มีข่าวว่าจะมาร่วมงานนี้หลายท่าน

เสร็จแล้วก็จะถือโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับท่านและชมการแสดงต่างๆ โดยเฉพาะการขับร้องเพลง หรือการจัดดนตรีมาบรรเลง ซึ่งเป็นปกติวิสัยของงานเฉลิมฉลองครบรอบเท่านั้นปีเท่านี้ปีของหน่วยงานส่วนใหญ่

ที่ไหนได้...กลับไปเจอเรื่อง “เซอร์ไพรส์” มากๆ ชนิดคาดไม่ถึง จนเป็นเหตุให้ต้องหยิบมาเป็นประเด็นในการเขียนคอลัมน์ซอกแซกสัปดาห์นี้ ได้แก่ การแสดงส่งท้ายที่ออกมาเป็น “ละครเวที” ที่เรียกกันว่า “เดอะ มิวสิคัล” คือ มีการร้องเพลงประกอบด้วย แบบเดียวกับการแสดงของ “ซีเนรีโอ” ที่ โรงละครรัชดาลัย หรือของ เวิร์คพอยท์ ที่ โรงละครเคแบงค์สยาม-พิฆเนศ อย่างไรอย่างนั้น

เขาตั้งชื่อเรื่องว่า “The Musical of Love 40 ปี รักนี้ไม่มีหยุด” เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว 4 ทศวรรษของ ปตท. ผ่านตัวละครผู้เป็นพ่อที่สมมติว่าทำงานอยู่ใน ปตท. ตั้งแต่ทศวรรษแรกจนได้เป็นผู้บริหารระดับสูง ในทศวรรษที่ 4 ที่กำลังฉลองกันอยู่นี้

โดยให้พ่อผู้เป็นผู้บริหารระดับสูงของ ปตท.จะแต่งเพลงเนื่องในโอกาสฉลอง 40 ปี จึงไปว่าจ้างค่ายเพลงแห่งหนึ่งให้รับผิดชอบ ซึ่งก็ปรากฏว่าค่ายเพลงที่ว่านี้ได้ส่งเด็กหนุ่มนักแต่งเพลงมือดีที่สุดของค่ายมาเป็นผู้แต่ง

...

ทำให้ผู้บริหารระดับสูงกับเด็กหนุ่มนักแต่งเพลง ซึ่ง “บังเอิญ” เป็นพ่อลูกกัน และมีความหลังที่ฝังใจในเชิงลบต่อกัน ต้องมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ในฐานะคู่สัญญาที่จะต้องแต่งเพลงให้ ปตท.

เด็กหนุ่มเห็นว่าพ่อของเขาทุ่มเทให้กับงานที่ ปตท.มากเกินไป จนไม่สนใจลูก ไม่มาให้กำลังใจแม้ในงานแสดงดนตรีที่ลูกจะขึ้นโชว์เป็นครั้งแรกในอดีต เพราะเอาแต่ทำงาน ทำงาน

เป็นดราม่าในครอบครัวมาตลอด 40 ปีเต็มๆว่าอย่างนั้นเถอะ

ระหว่างที่พ่อลูกถกเถียงกัน ก็มีการเล่าประวัติความเป็นมาของ ปตท. ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2522 “ยุคนํ้ามันขาดแคลน คุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ” เพื่อรับหน้าที่ในการจัดหานํ้ามัน ไม่ให้ “ภาวะขาดแคลน” เกิดขึ้นได้อีก

เรื่อยมาจนถึงยุคแก๊ส ยุคโชติช่วงชัชวาลย์ ยุคต้มยำกุ้ง ฟองสบู่แตก มาจนถึงยุครุ่งเรืองสุดขีด และยุคค้ากาแฟอเมซอนควบคู่ไปด้วยในปัจจุบัน

ทำให้คนดูได้รับรู้เรื่องราวว่า กว่า ปตท.จะเติบโตมาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นั้น ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคอะไรมาบ้าง และสามารถเอาชนะทั้งปัญหา ทั้งอุปสรรคได้อย่างไร

ในตอนท้ายบทละครก็หักมุมจบลงให้มีเหตุที่พ่อกับลูกหันมาเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะความจริงที่เฉลยออกมาว่า ที่พ่อไม่มีเวลาให้เขา ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น นอกเสียจากทุ่มเทเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ชาติบ้านเมือง จนประเทศไทยของเราไม่มีปัญหาด้านพลังงานและเจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

อาจจะเว่อร์ๆไปบ้างตามประสาละคร และเต็มไปด้วยการสมมติและความบังเอิญ แต่ก็ถือว่าโดยรวมแล้ว “มิวสิคัล” เรื่องนี้สามารถตรึงคนดูทั้งฮอลล์ได้ชนิดอยู่หมัด

ถึงขนาดปรบมือให้หลายตลบเมื่อการแสดงจบลง

ตัวพ่อหรือพระเอก ซึ่งแสดงได้ดีมาก ทั้งร้อง ทั้งพูดได้อย่างยอดเยี่ยม นั้นก็คือ “กบ” ทรงสิทธ์ิ รุ่งนพคุณศรี นักแสดงรุ่นกลาง แต่เก๋ามากคนหนึ่ง ในขณะที่ตัวลูกที่แสดงได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ได้แก่ “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโนทัย พระเอกวัยรุ่นขวัญใจทีวียุคนี้

ส่วนนางเอกที่เป็นภรรยาลูกชายจอมทระนงของคุณพ่อทรงสิทธิ์ แม้จะมีบทไม่มาก แต่การร้องเพลงที่แสนไพเราะก็ช่วยเติมบรรยากาศให้ละครน่าดูน่าชมขึ้นอีกหลายเท่า ได้แก่ “น้องนิว” หรือ นภัสสร ภูธรใจ นักร้องดูโอคู่ขวัญกับ “จิ๋ว” ปิยนุช เสือจงพรู ที่แฟนเพลงยุคใหม่รู้จักอย่างดียิ่งในนามของ “นิว-จิ๋ว”

นอกจากนี้ ยังมี ตี๋ ดอกสะเดา ดาราตลกรุ่นใหม่ที่ผ่านละครทีวีและละครเวทีมาหลายเรื่อง มาแสดงเป็นเพื่อน ซึ่งกลายเป็นลูกน้องคนสนิทของนักบริหาร ปตท.ระดับสูงอย่างทรงสิทธิิ์ ก็ทำให้การเดินเรื่องเป็นไปอย่างลื่นไหล เรียกรอยยิ้มสลับฉากได้เป็นระยะ

นักแสดง “หมู่มวล” ที่มาในเครื่องแต่งกายของเด็กปั๊ม ปตท.บ้าง พนักงาน ปตท.บ้าง นายช่าง ปตท.บ้าง หรือแม้แต่พนักงานขายกาแฟอเมซอนบ้าง ต่างก็คัดสรรมาโดยเฉพาะ...เห็นแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาว่าอยู่แถวๆโรงละครรัชดาลัยนี่เอง ทั้งลีลา ทั้งการร้องเหมือนกันเด๊ะเลย

รวมความแล้วก็เป็นนักแสดงของรัชดาลัยจริงๆ เพราะมีการเฉลยแบบมีเสียงกระซิบมาที่โต๊ะหัวหน้าทีมซอกแซกว่า ทั้งการประพันธ์เรื่อง ประพันธ์เพลง ทำบท จัดฉาก อยู่ภายใต้การอำนวยการของ “คุณบอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ ทั้งสิ้น

แม้แต่ฉากจบตอนให้นักแสดงออกมาคารวะคนดู ก็ปล่อยตัวละครออกมาในสไตล์ของคุณบอย เพียงแต่ไม่มีตัวคุณบอยมากล่าวสรุปในตอนท้ายเท่านั้น

สรุปว่าเป็นมิวสิคัลที่เซอร์ไพรส์จริงๆ และอดมิได้ที่จะชมตัวเองที่ตัดสินใจอยู่รับประทานอาหารจนถึงจานสุดท้าย ทำให้มีโอกาสได้ดูละครมิวสิคัลพิเศษเรื่องนี้

เกือบจะตัดสินใจลากลับก่อนจะเสิร์ฟเมนคอร์สอยู่แล้วเชียว...ไม่งั้นก็จะชวดดูละครดีไปหนึ่งเรื่องอย่างน่าเสียดายยิ่ง

ขอแสดงความยินดีในวาระ 40 ปีนะครับ ปตท. และขอให้เจริญๆต่อไปเรื่อยๆ ไปจนถึงอายุ 60 ปี ฉลองแซยิดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกหลายเท่า

...

งวดหน้าอย่าลืมไปจัดที่โรงละครรัชดาลัยเลยนะครับ แสดงเต็มเหยียด 2 ชั่วโมงครึ่งแบบ “บังลังก์เมฆ” ไปเลยซีน่ะ.

"ซูม"