หลังจากก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำกองทัพบก ภารกิจสำคัญของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่ต้องรีบดำเนินการในชั่วโมงนี้เห็นจะเป็นการเดินเกมเชิงรุก เน้นย้ำนโยบายที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแสนิยม

วางแผนเดินหน้ารับฟังความเห็นพร้อมๆกับสร้างความเข้าใจกับ ...“นักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศ” เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญเนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่อินเทรนด์ ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในยุคนี้แบบรอบด้านและมีสติ แต่ก็เป็นที่น่าชื่นชมว่า “เด็กรุ่นใหม่” ให้ความสนใจ “การเมือง”

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...ปัจจุบัน “เยาวชนคนรุ่นใหม่” มักนิยมเสพข้อมูลข่าวสารในช่องทางโซเชียลมีเดียกันมาก พล.อ.อภิรัชต์ บอกว่า เราจึงควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ในเรื่องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องโดยเฉพาะจากโซเชียลมีเดีย

แรกเลยพุ่งเป้าไปที่การพบปะตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) ที่กำลังศึกษาจำนวน 62 คน จาก 19 โรงเรียนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลโดยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ท.ปราการ ปทะวาณิช ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) นำนักศึกษาวิชาทหารเข้าพบ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างอิสระ แบบว่าไม่ต้องเกรงใจครูฝึก

ด้วยเหตุผลของการเข้าเป็น นศท. ไม่ใช่เป็นไปเพื่อไม่ต้องการตรวจเลือกทหารกองประจำการ แต่เข้ามาเป็น นศท.เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เรียนรู้การรักชาติ ประวัติศาสตร์ ต้องตรงกับวัย สัมผัสอาชีพทหาร เปิดใจให้ นศท.รักชาติ รักสถาบัน เป็นแรงสำคัญของครอบครัวได้เรียนรู้ว่า...อาชีพทหารมีภารกิจใดบ้าง

การปิดห้องรับรองคุยกันนานเกือบ 2 ชั่วโมง มีหลากหลายคำถามที่ข้องใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การฝึกวิชาทหาร แม้กระทั่งเรื่องการเมือง สามารถยิงคำถามตรงหน้าผู้นำกองทัพบก

...

โดยเฉพาะเรื่องการ “เกณฑ์ทหาร” ที่เรียกกันติดปาก แต่จริงๆแล้วคือการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ซึ่งต้องเข้าใจว่าปัจจุบันในแต่ละปีมีชายไทยเข้ารับสมัคร...เข้าเป็นทหารกองประจำการมากกว่า

และก็ยังมีบางพรรคการเมืองไม่เข้าใจหรือพยายามไม่เข้าใจ นำประเด็นเหล่านี้ไปพูดให้เกิดความสับสนในสังคมเพื่อหวังสร้างกระแสนิยมให้กับพรรคตนเอง โดยไม่มีเหตุผลอะไร

ประเด็นนี้ พล.อ.อภิรัชต์ชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าปัจจุบันอาจจะไม่มีเหตุการณ์สงครามหรือการสู้รบใดๆ แต่การคัดเลือกทหารยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากประเทศต้องเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคง ซึ่งทหารกองประจำการมาจากการตรวจเลือกฯและสมัครใจ นศท.ทุกคนต่างเข้าใจดี...แม้บางคนจะรับข้อมูลจากโลกโซเชียลฯเพียงอย่างเดียว จึงได้ยกตัวอย่างเรื่องของ “เหรียญ”...ต้องมีสองด้านเสมอ อย่ามองเพียงด้านเดียว

ยิ่งช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ พล.อ.อภิรัชต์ เดินทางไปที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 33 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก็ได้เปิดใจคุยกับ นศท.รุ่นลูกรุ่นหลานกว่า 200 คน ปรากฏว่า มีน้อง นศท.ชั้นปีที่ 1 กำลังเรียนอยู่ ม.4 รายหนึ่งได้ลุกขึ้นถามกลางวงถึงกติกาในการเลือกนายกรัฐมนตรีว่า...ทำไมสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ถึงได้มีบทบาทเข้ามาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และทำไมไม่ใช้คะแนน ส.ส. เพียงอย่างเดียว

พล.อ.อภิรัชต์ ยิ้มนิดหนึ่งก่อนตอบไปว่า อันดับแรกรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ในบทเฉพาะกาลเพื่อปลดล็อกปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งน้อง นศท.ที่สนใจสามารถนำข้อสงสัยนี้ไปค้นคว้าข้อมูลต่อได้ และประการต่อมา ถึงแม้จะไม่มีคะแนนจาก ส.ว. ลำพังเพียงแค่คะแนน ส.ส.ก็สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้เพราะในซีกของรัฐบาลมีคะแนนเสียงของส.ส. 251 เสียง ซึ่งชนะอีกฝ่ายหนึ่งมีคะแนนเพียง 244 เสียง

จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์จึงได้ถามน้อง นศท.ว่า...“น้องอยากเรียนต่อที่ไหนเมื่อจบการศึกษา” น้อง นศท.คนดังกล่าวตอบว่า “อยากเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ผบ.ทบ.จึงถามกลับไปอีกว่า “ถ้าสมมติว่าถ้าเกณฑ์คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เกณฑ์ผ่าน 50 คะแนนแล้วน้องสอบได้ 49 คะแนนจะเข้าได้หรือไม่”

น้อง นศท.อึ้งไปสักครู่ก่อนตอบว่า “ไม่ได้” พล.อ.อภิรัชต์ ยังตั้งคำถามต่ออีกว่า “ถ้าน้องได้ 49 คะแนนจะไปเรียกร้องได้หรือไม่” ได้รับคำตอบว่า...“ไม่ได้ครับผม เราต้องยอมรับกติกา”

พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้กล่าวย้ำอีกว่า แล้วคนที่สอบได้คะแนน 50/51 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนต่ำสุดสามารถเข้าได้ไหม น้อง นศท.คนเดิมก็ตอบว่า...“เป็นคะแนนต่ำสุด แต่ก็เข้ามหาวิทยาลัยได้ครับ” จึงได้กล่าวชื่นชมน้อง นศท.ที่กล้าคิด กล้าแสดงออกและมีความสนใจในเรื่องการเมือง แต่ขอให้รับฟังข้อมูลให้ครบถ้วนทุกด้าน ต้องเคารพกติกา รวมถึงการฝึกฝนด้วยความเข้มแข็งอดทนและภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็น นศท.

“ระบบการเกณฑ์ทหาร” ของประเทศไทย ซึ่ง นศท.ถามว่า ทำไมต้องมีการเกณฑ์ทหาร เป็นที่น่าสังเกตว่าเป็นคำถามเดียวกับพรรคการเมืองบางพรรคใช้ในการหาเสียงสร้างกระแสนิยม โดยไม่ได้บอกเหตุผลแก่ประชาชนว่า...การเกณฑ์ทหารมีความจำเป็นอย่างไร เพราะเป็นการตั้งคำถามเพียงแค่หวังสร้างกระแสนิยม

“บิ๊กแดง” ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจแก่น้องๆ นศท.ถึงข้อมูลที่แท้จริงและยอมรับว่ามีน้องๆ นศท.จำนวนไม่น้อยยังขาดความเข้าใจและรับข้อมูลเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะข้อมูลจากสื่อโซเชียล จึงได้แนะนำให้น้องๆ นศท.ให้ใช้วิจารณญาณรับฟังข้อมูลข่าวสารด้วยสติปัญญารับรู้...รับฟังในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลสามารถจับต้องได้

...

ที่สำคัญ...ต้องรับฟังให้ครบทุกด้าน อย่ามองแต่ด้านเดียว เหมือนเหรียญซึ่งมี 2 ด้าน หากมีแต่ด้านหัวด้านเดียวก็เป็นเหรียญปลอม

ตบท้ายก่อนจากกัน ยังได้พูดคุยถึงเรื่องการปรับปรุงหลักสูตรต่างๆ โดยการตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออกตามที่ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากน้องๆ นศท.และปรับสัดส่วนหลักสูตรเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ การเสียสละตนเป็นจิตอาสาพัฒนาสังคม และเป็นพลเมืองที่ดีห่างไกลยาเสพติด พร้อมทั้งแนะนำกับน้องๆ นศท.ว่าทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากที่บ้าน

รวมถึงการผ่อนผันและอนุโลมเรื่องระเบียบทรงผมของ นศท.ให้สามารถตัดผมตามระเบียบของโรงเรียน ไม่ต้องสั้นเกรียนเหมือนทรงผมของทหาร

ก่อนแยกย้าย พล.อ.อภิรัชต์ได้ถ่ายภาพหมู่กับน้องๆ นศท.และมีหลายคนที่ชื่นชมจึงขอถ่ายภาพคู่เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย รวมถึง นาย อัศรวัฒน์ วันวงค์ ตัวแทนนักศึกษาวิชาทหารกล่าวก่อนเข้าสวมกอด พล.อ.อภิรัชต์ ว่า...เขาเป็นเด็กจังหวัดลำปาง เคยเห็น ผบ.ทบ.ร่วมเดินขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ในพิธีพระบรมราชาภิเษกที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่าอยากเจอท่าน ขณะที่ น.ส.นิรุชา แซ่ลี้ เสริมว่า รู้สึกดีใจที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน และได้เดินทางมาพบ ผบ.ทบ. รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดกันในหลายๆเรื่อง

และสุดท้าย น.ส.รัตน์ษา มงคลธง หนึ่งในตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร กล่าวย้ำว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบ ผบ.ทบ. สามารถนำความรู้ที่ได้ไปแก้ไขปัญหา ซึ่งตัวจริงกับในโทรทัศน์ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ตัวจริงสูง ใจดี เป็นกันเอง

“เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทั้งสองทาง ได้รับทราบปัญหาการเรียนหลักสูตร นักศึกษาวิชาทหาร เราต้องการให้น้องๆเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เติบโตมาในสังคมที่มีความเข้มแข็ง รับข่าวสารที่ถูกต้อง ไม่ใช่รับข้อมูลจากสื่อโซเชียลเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญ...อยากให้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยเพื่อให้เห็นว่า กว่าจะมีประเทศไทยในวันนี้มีความยากลำบากแค่ไหน”

...

“บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวสรุปทิ้งท้ายอย่างภาคภูมิใจ...