ทุกครั้งเมื่อถึงฤดูกาลการแต่งตั้งโยกย้ายมีการซื้อขายเก้าอี้กันจริงหรือเปล่า

แม้ข่าวลือสะพัดกันหึ่ง ทั่วทุ่งปทุมวัน แต่ไม่เคยจับได้ไล่ทัน เนื่องจากไม่มีใบเสร็จรับเงินยืนยันข้อเสนอสนนราคาค่าตำแหน่ง

พวกเหลือบไรถึงเป็น “หน้าเสื่อ” รับทรัพย์ตกเบ็ดกันร่ำรวยมหาศาล

สายสนกลในถึงไม่มีใครรู้ดีเท่าคนวงการสีกากี

ลำพังแค่ นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยาวงศ์ อายุ 31 ปี และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว อายุ 29 ปี คู่ผัวเมียตกงานขัดสนเรื่องเงินทอง ธรรมดาจะกล้าอ้างตัวเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หรือจะสวมรอยปลอมไลน์ในบท พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.ได้ถึงขนาดนั้นไหม

รู้ได้อย่างไรว่า ทั้งคู่กุมอำนาจบัญชีการแต่งตั้งตำรวจ

เที่ยวไปหลอก “ตกเบ็ด” บรรดาตำรวจสิ้นคิด หมดหนทางเจริญก้าวหน้าในอาชีพเพราะไม่มีเส้นสายไม่มีนายหนุนจุนเจือ

แต่มี “เนื้อเงิน” มากกว่า “เนื้องาน” ที่จะเอามาสร้างความโดดเด่นการันตีฝีมือตัวเอง

พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ ในฐานะรองโฆษก ตร.ออกมาแถลงข่าวชิ้นโบแดง แต่ไม่แจงรายละเอียด เบื้องลึก ถึงพฤติกรรมต้มตุ๋นหลอกลวงตำรวจ วิ่งเต้นซื้อเก้าอี้ ตีมูลค่า

ร่วมล้านกว่าบาท

มีเพียงแผนผังโยงใยทางการเงินในบัญชีธนาคารที่เป็นหลักฐานมัด

แล้วใครที่เป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหายตัวจริง

“ตัวละครเอก” มาเปิดกันอย่างลับๆ ตอน พนักงานสอบสวน ปอท.นำผู้ต้องหาส่งผัดฟ้องฝากขังศาล เพื่อดำเนินคดีโดยกล่าวหา ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนบุคคลอื่น

...

ระบุเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2562 หญิงสาวคนหนึ่งรับมอบอำนาจจากคนใหญ่คนโตใน “แวดวงตุลาการ” เป็นผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยาวงศ์ และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว

หลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหาย.

สหบาท