หนุนลงทุนสร้างอนาคตชาติดูแลสุขภาพ-การศึกษา โล๊ะงบฟุ้งเฟ้อ

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ในงาน “70 ปี องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย : มุ่งมั่นเพื่ออนาคตของเด็กทุกคน” นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า 70 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศและภาคส่วนต่างๆ ได้ร่วมมือกับยูนิเซฟในการพัฒนาความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งเรายังต้องร่วมพัฒนาต่อไปในการสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับเด็กเยาวชน ทั้งนี้ ขอฝากใน 3 ประเด็นสำคัญคือ 1.ผู้ใหญ่และภาครัฐมีหน้าที่สนับสนุนให้เด็กมีบทบาทเข้มแข็งสร้างเงื่อนไขให้เด็กมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ สร้างความตระหนักรู้ในสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิเด็ก และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนในด้านต่างๆ 2.เด็กทุกคนต้องได้รับโอกาสที่เท่าเทียม ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ปัญหาให้เด็กทุกคนได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และ 3.ร่วมสร้างเด็กที่เติบโตเป็นพลเมืองดีของโลก ให้มีความเอื้ออาทร แบ่งปัน ร่วมพัฒนาสังคมและโลก

นายอานันท์ ปันยารชุน ทูตสันถวไมตรีองค์การ ยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายของยูนิเซฟไม่ใช่เรื่องการทำบุญแต่เป็นการทำดีเพื่อช่วยเหลือเด็กทุกคนในประเทศไทยและนอกประเทศทั่วโลกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับเด็กโดยตรง ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายมากมาย ทำอย่างไรให้เด็กที่อยู่ในภาวะ เปราะบาง เด็กยากจน เด็กที่อยู่ห่างไกล เด็กข้ามชาติ เด็กพิการได้เข้าถึงบริการต่างๆอย่างเท่าเทียมกับเด็กคนอื่นๆและยั่งยืน ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการพัฒนาเด็กปฐมวัยมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่จัดสรรให้ครอบครัวยากจนที่เพิ่มจาก 400 บาท เป็น 600 บาทต่อเดือนในเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นโครงการเริ่มต้นที่ดี สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่รัฐบาลไทยยังระบุถึงภาระหลายด้าน ซึ่งตนอยากเห็นรัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยและการศึกษาของเด็กมากกว่านี้ อยากให้จัดลำดับความสำคัญอะไรก่อนหลัง เพราะอนาคตไทยอยู่ที่เด็ก โดยเฉพาะการจัดสรรเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดควรเพิ่มเป็น 6 ปี ควรนำเงินในโครงการที่ไม่จำเป็นแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อมาลงทุนกับเด็กจะได้ผลตอบแทนมากกว่า การพัฒนาประเทศไทย 4.0 จะเกิดความยั่งยืนได้อยู่ที่อนาคต.

...