แค่คดีเสือปลามันก็จะเงียบๆหน่อย ไม่เหมือนคดีเสือดำ?

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เพจ “Social Hunter V.ss” โพสต์รูปภาพชายคนหนึ่งยืนถือซากเสือปลาด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง ระบุข้อความว่า “วันนี้ มาขึ้นอ้อยยามมื้อคืน อยู่ซื่อๆ ก็ได้ของดี เชิญเลย โชคดีคักๆ” นอกจากนี้หน้าเฟซบุ๊กของชายหนุ่มคนดังกล่าว

ทำเอาโซเชียลเดือดปุดๆ เรียกร้องเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ เอาผิดชายคนดังกล่าวให้ได้!

พอข่าวเริ่มแพร่สะพัดไปถึงหู พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เริ่มอยู่ไม่ติด สั่งการให้ พ.ต.อ.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ ผกก.3 บก.ปทส. และ ร.ต.อ.สาคร ศรีปรุ รอง สว.กก.3 ลก.ปทส. ไปตรวจสอบที่ตั้งของผู้โพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว

พบว่าคือ นายนพพร ปากแข็ง อายุ 23 ปี อยู่เลขที่ 76 หมู่ 4 ต.หนองบัว อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ รีบนำกำลังบุกไปตรวจสอบพร้อม นายเด่นพงษ์ ศรีถนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 5 สนง.สปป.2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพราะเกรงว่าจะไม่เหลือหลักฐานเอาผิด

และเป็นอย่างที่คิด จากการตรวจค้นในบ้านพบแค่เนื้อเสือปลาที่ชำแหละเรียบร้อยแล้วเหลืออยู่ประมาณ 100 กรัม!

ไม่เหลือแม้แต่กระดูกและหนังที่คนนิยมเก็บไว้ชื่นชม?

ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้เป็นคนฆ่าเสือปลาตัวดังกล่าว แต่ไปพบซากที่ตายแล้ว เนื่องจากถูกสุนัขไล่กัด!?

ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่อุทยานที่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบซากสัตว์ยืนยันทันที หลังระบุเนื้อของกลางเป็นเนื้อเสือปลาว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เสือตัวดังกล่าวจะถูกหมากัด

เพราะตามธรรมชาติ สุนัขจะกลัวเสือปลา ไม่กล้าเข้าไปตอแยแน่นอน

ถึงจะรู้ว่าผู้ต้องหาปากแข็ง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานที่จะแจ้งข้อหาฆ่าสัตว์ป่าคุ้มครอง เลยทำได้แค่แจ้งข้อหามีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือปลา) โดยไม่ได้รับอนุญาต

...

มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!

แค่นี้น่าจะทำให้ขี้ขึ้นสมอง ไม่กลับไปทำลายชีวิตสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้อีก?

สหบาท