นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน “เขาเขียว”–“เขาชมภู่”... ก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นป่าแปลงเดียวและแปลงสุดท้ายของภาคตะวันออก ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุดวันเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2521 หลังองค์การสวนสัตว์สำรวจตรวจพบว่าสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ในสวนสัตว์ดุสิต กรุงเทพฯ เกิดความแออัดเป็นอุปสรรคต่อการขยายพันธุ์และเจริญพันธุ์ในการดำรงชีพของสัตว์ ที่ถูกชุบเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้ จึงได้ขอกันพื้นที่ป่าส่วนหนึ่งของป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จำนวน 5,000 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” และได้ชื่อว่าคือสวนสัตว์เปิดแห่งแรกของไทย ที่ปล่อยให้สัตว์ป่ากว่า 300 ชนิด ได้ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ และมนุษย์สามารถเข้าไปเยี่ยมชม หรือศึกษาได้อย่างผสมกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม กลางบริเวณส่วนหนึ่งของป่าเขาเขียว-เขาชมภู่“หลังการจัดตั้งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ขึ้น”.... ไฉน กวางแก้ว สถาปนิกจากรั้วจามจุรีวัย 70 ปี อดีต ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียวในช่วงระหว่างปี 2522-2523 เล่าต่อไปว่า “วันนั้นมีนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคจากกรุงเทพฯรายหนึ่งมาเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียว พอกลับไปอยู่ๆก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และไม่มีสาเหตุใดๆบ่งชี้...พ่อแม่พาไปหาหมอแผนปัจจุบันรักษาแล้วไม่หาย จึงตัดสินใจพาไปพบหมอทรงเจ้าเพื่อหาสาเหตุ ถึงรู้ว่าลูกของตนได้กลายเป็นร่างทรงให้กับเจ้าพ่อเสือผู้พิทักษ์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ ที่ชาวบ้านชายป่าแถบนี้นิยมเรียกหลวงเตี่ย”ชาวบ้านละแวกนี้ต่างรู้กันมานานแล้วว่าแต่เดิมป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ เป็นผืนป่าที่เคยถูกนายทุนบุกรุกเข้ามาลักลอบตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงพวกนักล่าสัตว์ที่ฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาเร่ขาย แต่ไม่นานพวกนี้ต่างก็ต้องมีอันเป็นไป โดยชาวบ้านเชื่อกันว่านั่นคือ “คำสาปแช่ง”คำสาป...ที่เกิดจากพลังอาถรรพณ์ของเจ้าพ่อเสือองค์นี้ และเหตุการณ์ร้ายเหล่านั้นก็ราบคาบไป หลังการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีกฎหมายควบคุมและคุ้มครอง“ในวันที่เจ้าพ่อเสือเข้าร่างทรงเด็กหนุ่มคนนั้น มีคนที่อยู่กับเหตุการณ์เอ่ยปากถามเจ้าพ่อถึงสถานะของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวว่า ได้เข้ามาสร้างความวุ่นวายทำลายสภาพแวดล้อมป่าเขาหรือไม่เจ้าพ่อตอบกลับทันควันไม่มีอะไรที่เป็นผลกระทบ และได้ทำนายทายทักไว้ล่วงหน้าด้วยว่า ...สถานที่แห่งนี้จะเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้า ผู้คนมากหน้าหลายตาจะพากันเดินทางมาช่วยเสริมความมีคุณค่าให้กับป่าชีวิตสัตว์ป่าแห่งนี้โดยเจ้าพ่อเสือยืนยันจะรับเป็นผู้พิทักษ์รักษาผืนป่าและทุกชีวิตในราวป่าแห่งนี้ให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง”หลังจบเหตุการณ์ในวันนั้น...ทั้งพ่อแม่เด็กเจ้าของร่างทรงกับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ก็ได้ร่วมกันสร้างศาลเป็นศาลาเรือนไม้ขึ้นใต้ร่มไม้ใหญ่ อยู่ข้างอาคารบริการข้อมูลข่าวสารสวนสัตว์เปิดฯ โดยใช้ชื่อเรียกศาลศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า “ศาลปู่เจ้าเขาเขียว” พร้อมอัญเชิญวิญญาณต่างภพ “เจ้าพ่อเสือ” หรือ “หลวงเตี่ย” มาประทับผ่านภาพปั้นลอยตัวเทพเทพารักษ์ขนาดเท่าองค์จริง... “เจ้าพ่อเสือ” พระพักตร์อิ่มเอิบดั่งผู้เปี่ยมด้วยเมตตา...ริมฝีปากด้านบนประดับด้วยเรียวหนวดดูน่าขึงขังจริงจัง เพื่อใช้เป็นที่กราบไหว้สำหรับผู้คนทั้งในละแวกใกล้เคียงและที่มาท่องเที่ยวจากทุกสารทิศโดยที่ผ่านมาบางคนก็นำเครื่องเซ่นไหว้มาใช้ถวาย เช่น พานบายศรีภาพปั้นองค์ฤาษีพ่อแก่ ตุ๊กตาไม้แกะสลักรูปเสือ ช้าง พญางู ซึ่งหมายถึงสัตว์ป่าที่อยู่คู่กับป่าและเจ้าพ่อองค์นี้มานาน เพื่อเป็นปัจจัยบูชาในการขอโชคขอพร ตามเจตนารมณ์ต่างๆนานาจากเจ้าพ่อบางราย...มาลงทุนบนบานขอยศตำแหน่ง โยกย้ายตามต้องการเสร็จแล้วจะนิยมนำเสื้อชุดข้าราชการปกติขาวมาถวายเป็นการแก้บนหลัง ได้ตามประสงค์ ซึ่งก็มีแขวนไว้ให้เห็นอยู่กับศาลศาลา ...เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงศรัทธาแห่งผู้คนที่มีต่อ “เจ้าพ่อเสือ” แห่งนี้อรรถพร ศรีเทวัญ ผอ.สวนสัตว์เปิดเขาเขียวคนปัจจุบัน บอกว่า ศาลปู่เจ้าเขาเขียวแม้จะเป็นเพียงภาพที่ปรากฏในโลกต่างมิติ ทว่านั่นหมายถึงภาพจำลองของพลังศรัทธา ที่ผู้คนต่างมองผ่านเรื่องราวตำนานเล่าขาน...สืบทอดกันมานาน และถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการส่งเสริมท่องเที่ยวที่ไม่ควรมองข้าม สวนสัตว์เปิดเขาเขียวกับตำนานเล่าขานที่ว่านี้ ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์ที่ผู้คนไม่น้อยต่างนับถือเคารพบูชาต่อเจ้าพ่อเจ้าป่าเจ้าเขาองค์นี้ “ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็โปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก–ยม