ชมพู่ชนิดนี้ เป็นสายพันธุ์โบราณที่นิยมปลูกและนิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันจะมีปลูกและขยายพันธุ์เพื่ออนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุทำให้มีผลผลิตสู่ตลาดผลไม้น้อยมาก หรือหาซื้อรับประทานยากนั่นเอง ส่วนที่มาของสายพันธุ์ “ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา” คือ เกิดจากการเพาะเมล็ดของชมพู่น้ำดอกไม้พันธุ์ดั้งเดิมจำนวนหนึ่ง ก่อนคัดเอาต้นดีที่สุดไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่าผลมีขนาดใหญ่ขึ้น ติดผลเป็นพวง 3-5 ผลต่อพวง มีดอกและติดผลดกเป็นธรรมชาติทั้งปีหรือเกือบทั้งปี เนื้อมีความหนาและเมล็ดเล็กลีบ รสชาติหวานกรอบมีกลิ่นหอมอร่อยมาก จึงถูกตั้งชื่อว่า “ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา” ดังกล่าว เจ้าของพันธุ์ได้ตอนกิ่งออกวางขายได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา เป็นไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร ใบออกเรียงสลับ ใบมีขนาดใหญ่เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมโคนมน เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบและกิ่งก้าน “ผล” รูปกลมแป้น ผลมีขนาดใหญ่กว่าผลของชมพู่น้ำดอกไม้ทั่วไปอย่างชัดเจน ติดผลเป็นพวง 3-5 ผลต่อพวงตามที่กล่าวข้างต้น ผลอ่อนสีเขียว เมื่อผลสุกเป็นสีแดงสวยงามน่าชมยิ่ง เนื้อผลหนา เมล็ดเล็กและลีบบาง รสชาติหวานกรอบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รับประทานอร่อยมาก ปัจจุบันปลูกเก็บผลขายหน้าสวนราคากิโลกรัมละ 200 บาทขึ้นไป มีดอกและติดผลดก โดยธรรมชาติ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดตอนกิ่งและทาบกิ่ง หลังปลูกเพียงแค่ 2 ปี สามารถให้ผลผลิตได้แล้ว ที่สำคัญผู้ปลูกจะตัดแต่งกิ่งให้ต้นสูงไม่เกิน 2-3 เมตรได้อีกด้วยใครต้องการกิ่งตอนแท้มีขายเพียงที่เดียวคือ ติดต่อ “คุณประภาส สุภาผล” 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร.08-8533-2299 หรือไปซื้อได้ที่งานเกษตรศรีราชาแฟร์ จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งอยู่ที่อ่าวอุดม บริเวณล็อกเอ 116-117 บูธ “สวนประภาสไม้ผล” วันที่ 24 ส.ค.-2 ก.ย.61 ราคาสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทุกพื้นที่ของประเทศไทย เหมาะจะปลูกเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้ราคาดีและคุ้มค่าครับ.“นายเกษตร”