เป็นภัยของสังคมที่นับวันเริ่มน่ากลัวมากขึ้นในโลกยุคโซเชียลมีเดีย กลุ่มมิจฉาชีพใช้สังคมออนไลน์สร้างความน่าเชื่อถือ และร่วมกันหลอกลวงเหยื่อ
ร่วมลงทุนหรือทำธุรกิจ พอได้เงิน ปิดการติดต่อในกลุ่มโซเชียลหลบหนีไป
มีข่าวให้เห็นกันมาตลอด
คนถูกหลอกมีไปทั่ว ไม่เคยหมดไป กลายเป็นรูปแบบอาชญากรรมใหม่
ภัยสังคมออนไลน์
บางครั้งไม่รู้ตัวจริงคนหลอก
ล่าสุดมีกลุ่มผู้เสียหายรวมตัวไปแจ้งความที่กองปราบปราม ถูกกลุ่มผู้ต้องหา 4 คน ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “แชร์เงินทองรายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน” เชิญชวนรวมกลุ่มซื้อรถยนต์จากการขายทอดตลาด
หากซื้อได้ จะนำไปขายตามเต็นท์รถ เอากำไรมาแบ่งกัน
กลุ่มคนร้ายสร้างความน่าเชื่อถืออ้างเป็นเจ้าของเต็นท์รถชื่อ “โอ้ มาย ก็อต คาร์เซนเตอร์” มีการนำรูปรถหรูมาโชว์ตามหน้าเพจบ่อยๆ ผู้เสียหายเห็นน่าเชื่อถือจึงร่วมลงทุน บางคนลงทุนไป 5 แสน-1 ล้านบาท
ช่วง 10 วันแรกได้กำไรดี แต่พอหลังจากนั้นถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด ตามไปที่พักของคนร้าย พบว่าขนของหลบหนี
พอรู้ตัวถูกหลอกมาแจ้งความกองปราบฯ
ความเสียหายจากการถูกหลอกของแก๊งนี้มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
อีกคดี ตำรวจ 191 กับ สน.บางเขน จับแก๊งแชร์ลูกโซ่ 3 ราย คือ น.ส.สำรวม ฮัมเมล น.ส.ดาวัน มานะ และ น.ส.ฉลอง ซุยเจริญ พฤติการณ์ของแก๊งนี้จะเปิดเฟซบุ๊ก ชื่อ “บ้านแม่มัดออมเงิน ออมทอง”
มี น.ส.สำรวม เป็นเท้าแชร์และเจ้าของเพจ มีสมาชิกในเพจกว่า 800 ราย และมีสมาชิกในกลุ่มไลน์กว่า 300 คน สร้างความน่าเชื่อถือโดยอ้างรู้จักกับตำรวจ ทหารในพื้นที่ จ.จันทบุรี หลอกร่วมลงทุนหว่านล้อมเอากำไรมาล่อ ทำให้มีคนหลงเชื่อโอนเงินคนละ 1-2 แสนบาท ก่อนจะปิดเพจหลบหนี คนที่ถูกหลอกจึงมาแจ้งความ
...
มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท มีทั้งคนไทย และออสเตรเลีย ถูกหลอกเป็นเหยื่อ
ทั้ง 2 กรณี ต่างเป็นภัยของ “สื่อออนไลน์” ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่ถูกหลอกหลงเชื่อในสิ่งที่จงใจทำลวงกันขึ้นมา ส่วนหนึ่งมาจากความโลภ อยากได้เงินของเหยื่อ โดยไม่ศึกษาข้อมูล
จึงต้องระวังก่อนจะเชื่อและร่วมลงทุนกับใคร ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อน
ไม่เช่นนั้น จะตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์ที่เข้าถึงเหยื่อได้ง่ายๆ.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th