งานความมั่นคง มีความสำคัญ เป็นเสาหลักค้ำเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาล คสช.ที่มาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินประชาชน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ แม้ความขัดแย้งจะลดลง สถานการณ์ภาพรวมยังไม่นิ่ง หน่วยงานความมั่นคงต้องเข้มแข็ง
หากหน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานไม่เข้าตา คุมสถานการณ์ไม่อยู่ รัฐบาลทำงานได้ลำบากมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจคนที่ทำงานทำให้เป็นเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียว
ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความโดดเด่นในเวทีระดับอาเซียน เป็นแกนหลักในการสร้างความเป็นเสถียรภาพในความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียนในการต่อต้านการก่อการร้าย ด้านการข่าว ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ช่วยทำให้สังคมมีความสงบและสันติสุข ประชาชนไม่หวาดระแวง รู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน คดีอาชญากรรม มาเฟียต่างชาติ ขบวนการค้ายาเสพติด ถูกทลายลงอย่างต่อเนื่อง

ปี 2560 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นำกำลังหน่วย บช.ปส. ยึดของกลางยาเสพติด จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ทั่วประเทศ ตามนโยบายวาระแห่งชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน นายทุนตัวการใหญ่ถูกตามจับยึดทรัพย์สิน
...
ตรวจยึดยาบ้า 215 ล้านเม็ด เฮโรอีน 376 กิโลกรัม ยึดยาไอซ์เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวกว่า 5,000 กิโลกรัม จับกุมอาวุธปืน วัตถุระเบิด 25,000 ราย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. นำทีมกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมแปลงบัตรประชาชน แก๊งคนดำที่เข้ามาค้ายาเสพติด และหลอกลวงคนไทย
ถือเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล คสช. ภายใต้คำสั่งการของ พล.อ.ประวิตร เข้ามาควบคุมหน่วยงานความมั่นคง หากวัดผลงานในช่วงปีที่ผ่านมาถือว่าสอบผ่านในสายตาพี่น้องประชาชน

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเปิดปฏิบัติการเอาจริงเอาจังกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่เข้ามาในคราบนักท่องเที่ยว ใช้เมืองไทยเป็นฐานกระทำผิด จับกุมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว แก๊งปลอมบัตรประชาชน ปลอมแปลงหนังสือเดินทาง ช่วยเหลือเหยื่อคนไทยไม่ให้ถูกหลอก และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนไทยและชาวต่างชาติที่ถูกหลอกลวงได้ต่อเนื่อง
มาถึงปี 2561 งานความมั่นคงยังเดินหน้าทำงานหนักต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มปราบปรามยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล มาเฟียต่างชาติ กลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่เกินกำหนด ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้ตำรวจเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กอ.รมน. ป.ป.ส. และ ปปง. เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเป้าหมายทั่วประเทศครั้งใหญ่ให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับผิดชอบภาพรวม
ปีนี้ พล.อ.ประวิตรสั่งเพิ่มความเข้ม เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศครั้งใหญ่ ควบคู่กับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะคนต่างชาติที่อาศัยอยู่เกินกำหนด และชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นงานที่หน่วยงานความมั่นคงละเลยกันมานาน

แบ่งเป็นเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ 70 เป้าหมาย เงินกู้นอกระบบ ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธสงครามและความผิดอื่นๆกว่า 814 เป้าหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ 1,908 เป้าหมาย ชาวต่างชาติที่อยู่เกินกว่ากฎหมายกำหนด 8,788 ราย และหมายจับเครือข่ายสำคัญ 282 หมายจับ
เพิ่มความเข้มทั้งมาตรการทางกฎหมายและการยึดทรัพย์ พร้อมทั้งวางระบบตรวจสอบ คัดกรองไม่ให้ลักลอบกลับเข้ามาอีก และพิจารณามาตรการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมควบคู่กันไป
การเปิดพื้นที่ปลอดภัยจากความมืดทางสังคมที่หวาดระแวงร่วมกัน และจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกชุมชนทั่วประเทศ ในการเอกซเรย์เป้าหมายในพื้นที่ และป้อนข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองที่กำลังทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ขอให้ประชาชนกล้าและมีส่วนร่วม ปฏิรูปสังคมให้ปลอดภัยและเข้มแข็งไปด้วยกัน
...
รัฐบาลสั่งคาดโทษ เน้นย้ำข้าราชการทุกหน่วย ไม่ให้เข้าไปเป็นผู้มีอิทธิพล เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์กับสิ่งผิดกฎหมาย หากตรวจพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยไม่ละเว้นทั้งคดีอาญาและวินัยร้ายแรง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำนโยบายความมั่นคง การปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง หรือผู้ที่เข้าไปเรียกรับผลประโยชน์สิ่งผิดกฎหมาย และจับกุมนักท่องเที่ยวที่อยู่เกินกฎหมายกำหนดที่ไปเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิดอาชญากรรมอื่นๆ แก๊งมาเฟียต่างชาติ ตำรวจพร้อมปฏิบัติทันที กำชับ ผบช.ทุกหน่วยให้มีผลการปฏิบัติชัดเจนภายใน 1-2 เดือน หากหน่วยไหนมีผลการปฏิบัติไม่ตรงตามเป้าจะต้องคาดโทษกัน ส่วนเรื่องยาเสพติด พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำให้สืบสวนขยายผลผู้อยู่เบื้องหลัง และประสานงาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินติดตามยึดทรัพย์ ตำรวจทำมาโดยตลอด รัฐบาลให้งบประมาณจัดหาเครื่องมือตั้งด่านสกัดกั้นยาเสพติดซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ในการทำงานรัฐบาลไม่ได้มากดดันตำรวจ แต่มาให้กำลังใจ และให้เพิ่มความเข้มในการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างใหญ่สิ่งผิดกฎหมาย สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้พี่น้องประชาชน”
...
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ย้ำว่า “สถานการณ์ความปลอดภัยในสังคมพบปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูงและเชื่อมโยงอาชญากรรมหลายรูปแบบ รวมทั้งแก๊งชาวต่างชาติที่อยู่เกิน หรือหลบหนีคดี ส่วนใหญ่พบพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ และสร้างความหวาดระแวงในสังคม ให้สืบสวนขยายผลโยงให้ถึงเครือข่ายนายทุนและผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างจริงจัง ให้ตำรวจเป็นหลักร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงทำการสืบสวนปราบปราม และสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมควบคู่กันไป”
ภาพรวมนโยบายงานความมั่นคงของรัฐบาล ที่สานต่องานปราบปรามยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล แก๊งข้ามชาติที่จับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ พล.อ.ประวิตร คุมงานความมั่นคง ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะถูกกระแสคนไม่หวังดีโจมตี แต่ประสบการณ์ของ พล.อ.ประวิตร ยังจำเป็นต่อประเทศชาติในสถานการณ์ปัจจุบัน
งานความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังหาคนมาทดแทนได้ยาก.
ทีมข่าวอาชญากรรม