สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ สัปดาห์ก่อนผมได้เขียนบทความเตือนบรรดานักเล่นเกมออนไลน์ ให้ระวังเกี่ยวกับการถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อบัตรเติมเงินของมิจฉาชีพ โดยมิจฉาชีพจะหลอกขอเลขที่บัญชีของเรา เพื่อใช้เป็นเส้นทางผ่าน เงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้อื่นมา และขอให้เรานำเงินดังกล่าวไปซื้อบัตรเติมเงิน แล้วส่งรหัสบัตรเติมเงินไปให้มิจฉาชีพ สร้างความเสียหายให้กับเจ้าของบัญชีอย่างมากครับ เนื่องจากเมื่อผู้ที่ถูกหลอกหรือผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจะมีหมายเรียกไปยังเจ้าของบัญชีธนาคารที่เงินโอนเข้าเป็นอันดับแรก เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เป็นคนร้ายตัวจริง ซึ่งเจ้าของบัญชีธนาคารจะต้องเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และไปเบิกความในชั้นศาลด้วย
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับคดีดังกล่าวปรากฏว่า ก่อนที่เจ้าของบัญชีธนาคารจะหาพยานหลักฐานจนสามารถหาผู้กระทำความผิดตัวจริงได้นั้น มี 2 คดีที่พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องต่อศาลไปแล้ว จากทั้งหมด 6 คดี ซึ่งมูลค่าความเสียหายใน 2 คดีดังกล่าวมีเงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีธนาคาร จำนวน 5,000 บาท และ 20,000 บาท เจ้าของบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน จึงแก้ปัญหาด้วยการชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองคดี เนื่องจากเมื่อคำนวณค่าเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าทนายความแล้ว การชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายทำให้คดีจบลงได้เร็วที่สุด ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด แต่ผลที่ติดตามมาอย่างคาดไม่ถึง คือ เมื่อเจ้าของบัญชีไปสมัครงานในบริษัทต่างๆ กลับมีข้อมูลประวัติอาชญากร ปรากฏอยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของผู้ต้องหา เพื่อส่งไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้บริษัทหรือนายจ้างไม่กล้ารับเข้าทำงาน
...
ตัวอย่างคดีกรณีล่าสุดนี้ มีเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ เดือดร้อนไปถึงพี่สาว ซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสกลนคร เนื่องจากเด็กนักเรียนคนดังกล่าวไม่มีเลขที่บัญชีธนาคาร จึงไปขอยืมเลขที่บัญชีธนาคารจากพี่สาวมาใช้ และมิจฉาชีพใช้วิธีการเดียวกันครับ คือ หลอกให้เด็กนักเรียนนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้อื่นไปซื้อบัตรเติมเงิน แล้วส่งรหัสบัตรเติมเงินไปให้มิจฉาชีพ สุดท้ายคนร้ายจะโอนเงินจากระบบออนไลน์เข้าสู่บัญชีธนาคารของตัวเอง
กรณีนี้ มิจฉาชีพหลอกเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าคนดังกล่าว อ้างว่าจะให้ทำงานพิเศษ โดยให้ค่าตอบแทนการทำงาน ครั้งละ 300 บาท ต่อการซื้อบัตรเติมเงินหนึ่งครั้ง ซึ่งพี่สาวของเด็กนักเรียนคนนี้ไม่ได้คิดให้รอบคอบถึงผลที่จะติดตามมาครับ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพโดยง่าย สร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กนักเรียนและพี่สาวรวมไปถึงพ่อแม่ ต้องเดินทางจากจังหวัดสกลนครไปพบพนักงานสอบสวนที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน แต่หากเด็กนักเรียนไม่สามารถหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ อาจจะถูกแจ้งข้อหาในฐานะผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา เสียประวัติ เสียเวลา เสียอนาคต โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่คุ้มกับค่าตอบแทนที่ได้รับเพียง 300 บาท
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมที่สื่อออนไลน์มีผลต่อชีวิตประจำวันของบุตรหลานของทุกท่านนะครับ อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่มีบุตรหลานที่ชอบเล่นเกมออนไลน์ มิจฉาชีพมักจะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อจะให้ยากต่อการติดตามตัว หรือสรรหาวิธีการหลอกลวงผู้อื่นให้มารับผิดแทนเสมอ
ดังนั้น ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ หากมีใครมาขอยืมใช้เลขที่บัญชีธนาคาร หรือขอยืมบัตรเอทีเอ็มไปใช้ หรือมีใครโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคุณ โดยผิดปกติวิสัย หรือขอให้คุณซื้อบัตรเติมเงินส่งไปให้ ห้ามทำตามเด็ดขาด และขอให้คุณรวบรวมหลักฐานในการสนทนาเก็บไว้ หรือลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ เพื่อป้องกันตัวคุณเองในอนาคตครับ
สำหรับใครที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
...