ซื้อหุ้นอะไรดี? มักเป็นคำถามของนักลงทุนมือใหม่เวลาที่เจอเซียนหุ้นใหญ่ๆ แต่ถ้าถามตำนานผู้จัดการกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างเหนือชั้นอย่าง “ปีเตอร์ ลินซ์” ว่าหุ้นแบบไหนน่าลงทุน เขาคงชี้แนะให้เริ่มจากการศึกษาหุ้นอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยงซะก่อน ประมาณว่าที่ไหนมีกับระเบิดและจะพาเราไปตาย ก็อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยง

หลักการลงทุนที่สร้างชื่อเสียงให้ “ปีเตอร์ ลินซ์” ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่เป็นผู้จัดการกองทุนฟิเดลลิตี้ แม็กเจลแลน จนสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 29.2% ต่อปี และไม่เคยขาดทุนเลยแม้แต่ปีเดียว ก็คือ “การเน้นหาหุ้นสิบเด้ง” หรือหุ้นที่จะขึ้นไป 10 เท่าตัว ด้วยการนำสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยสำรวจการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ และตั้งข้อสังเกตกับสิ่งใกล้ตัวที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แล้วนำมาเป็นข้อได้เปรียบในการลงทุน

ขณะเดียวกัน เขาก็สแกนหา “หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงและต้องระวัง” ซึ่งเป็นกับดักหลอกล่อนักลงทุนให้ไปตาย โดยหุ้นที่เขาจะหลีกเลี่ยงเป็นอันดับแรกคือ “หุ้นร้อนที่สุดในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงที่สุด” เป็นหุ้นที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด หุ้นที่นักลงทุนทุกคนได้ยินเกี่ยวกับมันในรถไฟฟ้า และทนต้านกระแสไม่ไหวจนต้องซื้อมัน หุ้นร้อนที่ว่าสามารถขึ้นได้เร็ว โดยอาจขึ้นไปเหนือราคาของการคำนวณทุกวิธี แต่ในเมื่อมันไม่มีอะไรนอกจากความหวังและความฝันที่สนับสนุนมัน สุดท้ายจึงตกลงมาได้เร็วพอๆกัน ถ้าคุณไม่เก่งในการขายหุ้นร้อน และลุกหนีไม่ทัน ก็ต้องจ่ายรอบวง พลิกจากกำไรเป็นขาดทุนยับในชั่วพริบตา

“ระวังหุ้นที่จะเป็นตัวต่อไปของอะไรบางอย่าง” หุ้นอีกตัวที่เขาจะหลีกเลี่ยง คือหุ้นของบริษัทที่ถูกกล่าวขานว่าจะเป็น IBM ตัวต่อไป, Disney ตัวต่อไป หรือ APPLE ตัวต่อไป จากประสบการณ์ของตำนานผู้จัดการกองทุน ตัวต่อไปของอะไรบางอย่างแทบไม่เคยเกิดขึ้นจริง เวลาคนกล่าวขานว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นอะไรตัวต่อไป มันมักเป็นเครื่องหมายของการสิ้นสุดความรุ่งเรือง ไม่เฉพาะกับบริษัทที่เลียนแบบ แต่กับบริษัทต้นแบบด้วย ถ้าบริษัทคอมพิวเตอร์อื่นๆถูกเรียกขานว่า IBM ตัวต่อไป ก็เดาได้เลยว่า IBM กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่เลวร้ายแล้ว

...

“หลีกเลี่ยงนักกระจายความเสียหาย” เพราะยิ่งกระจายก็ยิ่งแย่ แทนที่จะซื้อหุ้นคืนหรือจ่ายปันผลเพิ่ม บริษัทที่มีกำไรมักจะชอบเผาเงินเล่นบ่อยๆ โดยการซื้อกิจการอื่นๆอย่างโง่เขลา นักกระจายความเสียหายที่ทุ่มเทเหล่านี้จะมองหาสินค้าที่ราคาสูงเกินไป และอยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของตน ซึ่งนำพาไปสู่การขาดทุนสูงสุด

“ระวังหุ้นที่มีชื่อน่าตื่นเต้น” หุ้นที่มีชื่อน่าตื่นเต้นในธุรกิจธรรมดาสามารถดึงดูดนักลงทุน และทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคงอย่างผิดๆ จงหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่มีอักษรตัว X หรือมีสัญลักษณ์ลึกลับอยู่ แล้วให้มองหาหุ้นที่มีชื่อน่าเบื่อ, ทำอะไรที่น่าเบื่อ และน่าขยะแขยงในเวลาเดียวกัน เช่น เกี่ยวข้องกับการทำฝาจุกขวด, ขยะพิษ, มาเฟีย และความตาย รับรองว่าคุณเจอหุ้นสมบูรณ์แบบเข้าแล้ว

“ระวังพ่อค้าคนกลาง” ให้ระวังบริษัทที่ขายสินค้า 15-50% ให้แก่ลูกค้าเพียงรายเดียว คุณไม่มีทางรู้ว่าบริษัทดังกล่าวจะถูกลูกค้ายกเลิกสัญญาในตอนไหน การสูญเสียลูกค้าหนึ่งรายจะกลายเป็นหายนะทันทีสำหรับบริษัทที่พึ่งพาลูกค้าน้อยราย แถมลูกค้ารายใหญ่ยังมีอำนาจต่อรองด้านราคาอย่างมหาศาล มีโอกาสน้อยมากที่การลงทุนที่ยิ่งใหญ่จะเกิดจากโครงสร้างธุรกิจแบบนี้

“ระวังหุ้นกระซิบ” ประเภทหุ้นอินไซด์ที่คนรู้จักกำชับว่าเป็นความลับสุดยอดอย่าบอกใครเชียว “เรามีหุ้นสุดยอดที่จะบอกเธอ มันตัวเล็กเกินไปหน่อย แต่น่าลงทุนมาก บริษัทมีไอเดียความคิดที่น่าสนใจ และมันอาจทำกำไรได้มหาศาล” หุ้นกระซิบสามารถสะกดจิตทำให้เคลิ้มฝันด้วยสตอรีเกินจริง นอกจากทำให้คุณเสียเงินไปกับมันแล้ว สิ่งที่หุ้นกระซิบพวกนี้มีเหมือนกันหมด คือสตอรีที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่มีสาระเอาซะเลย ล้วนแต่ปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อหลอกนักลงทุนหน้าใหม่ หุ้น IPO ของบริษัทใหม่ๆ ก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีธุรกิจอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตรงข้ามกับหุ้น IPO ที่บริษัทลูกสปินออฟแตกออกมาจากบริษัทแม่ขนาดใหญ่ อันนี้มีโอกาสทำกำไรงาม เพราะหากบริษัทลูกมีปัญหาก็จะทำให้ผู้บริหารบริษัทแม่พลอยเสียหน้าไปด้วย.

มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม