เมื่อวันที่ 14 ก.ค. สถานีโทรทัศน์อาร์แตของรัสเซียรายงานว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาล รัสเซีย ตอบคำถามกรณีที่นายคิริลล์ บูดานอฟ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์ “นิว วอยซ์” สื่อท้องถิ่นยูเครน เผยแพร่เมื่อเช้าของวันเดียวกัน เปิดเผยว่า มีความพยายามลอบสังหารนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย หลายต่อหลายครั้ง นับแต่กองทัพรัสเซียบุกโจมตียูเครน เมื่อเดือน ก.พ.2565 ทว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยเปสคอฟระบุว่ารัฐบาลรัสเซียตระหนักดีถึงภัยคุกคามจากรัฐบาลยูเครน ซึ่งรวมถึงการลอบสังหารประธานาธิบดีรัสเซีย พร้อมให้ความมั่นใจว่าได้จัดระบบรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศอย่างเหมาะสมทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์สื่อยูเครนดังกล่าว บูดานอฟซึ่งถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อผู้ก่อการร้ายและบุคคลหัวรุนแรงของทางการ รัสเซียไม่ได้ให้รายละเอียดหรือระบุว่าสายลับของหน่วยข่าวกรองหรือหน่วยงานอื่นๆ ของยูเครนเกี่ยวข้องกับแผนการดังกล่าวหรือไม่ แต่ได้เผยถึงความเชื่อที่ว่าการเสียชีวิตของปูตินผู้อยู่ในอำนาจมานานกว่า 20 ปี จะส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจอย่างใหญ่หลวงต่อชาวรัสเซียที่เชื่อมั่นว่าปูตินจะปกป้องให้ปลอดภัยอย่างแน่นอน ไม่ต่างจากเมื่อครั้งนายโจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียตลาโลกในปี 2496 บูดานอฟยังหยิบยกคำบอกเล่าจากคุณยายของตนเองที่อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวว่าผู้คนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้า มองไม่เห็นหนทางว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรอาร์แตยังระบุว่า นับแต่การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนปะทุขึ้น สื่อชาติตะวันตกหลายสำนักรายงานถึงความพยายามลอบสังหารปูตินที่มีต้นตอมาจากยูเครน อย่างเช่นเดอะ ซัน นสพ.แท็บลอยด์ของอังกฤษเคยรายงานเมื่อกลางเดือน ก.ย.2565 เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ล้อหน้าด้านซ้ายของรถลิมูซีนของปูติน ขณะขับผ่านกรุงมอสโก ตามมาด้วยควันหนาทึบ แต่ยังไปถึงที่ปลอดภัยได้โดยไม่มีผู้ได้รับ อันตราย ขณะที่มีรายงานว่ามีผู้ถูกจับกุมหลายคน เดอะ ซันยังเผยว่าปูตินรอดพ้นการลอบปลิดชีพมาแล้ว 6 ครั้ง เกิดความหวาดระแวงจนต้องมีทีมสไนเปอร์ห้อมล้อมใกล้ตัวก่อนหน้านี้โฆษกรัฐบาลรัสเซียยังแถลงตอบโต้การประกาศของทำเนียบขาวในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ถึงการเตรียมติดตั้งอาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯในเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการป้องปรามอาจทำให้ยุโรปตกเป็นเหยื่อขีปนาวุธของรัสเซียได้และการเผชิญหน้าดังกล่าวอาจทำลายยุโรปทั้งหมด เช่นเดียวกับสงครามเย็นที่จบลงด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียต.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่