กลายเป็นเรื่องที่มีการกล่าวถึงเต็มฟีดโซเชียลมีเดียตะวันตก หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุระทึกขวัญใช้มีดจ้วงแทงกันตอนกลางวันแสกๆ ที่เมืองมานน์ไฮม์ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี
โดยงานนี้สื่อกระแสหลักพากันรายงานข่าวในลักษณะว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดหลังจากมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเยอรมัน จัดการชุมนุมที่จัตุรัสในตัวเมือง และเผยแพร่ข้อมูลต่อต้านศาสนาที่มีแนวคิดหัวรุนแรง ตัวต้นเหตุของเรื่องนี้คือ นายไมเคิล ชตูร์เซนเบอร์เกอร์ อดีตสมาชิกพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) วัย 58 ปี และสมาชิกองค์กรเคลื่อนไหวแพ็กซ์ ยูโรปา ที่มีจุดยืนต่อต้านการรุกคืบของศาสนา “ต่างแดน” ในเยอรมนี
ข่าวหลายสำนักอ่านแล้ว สามารถตีความได้ว่าถ้าไม่มาจัดชุมนุมเรื่องก็คงไม่เกิด จนมีการนำไปจุดประเด็นในพื้นที่นิวมีเดียว่า โลกเรากำลังเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมแทบจะไม่มีใครรายงานเลยว่า ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ คือผู้อพยพจากอัฟกานิสถาน วัย 25 ปี นามว่าสุไลมาน เอ.
ที่สำคัญนั้น ประเด็นที่ทำให้คนมีอารมณ์เดือดดาลเป็นพิเศษมาจาก “คลิปวิดีโอ” ที่แสดงให้เห็นว่าในช่วงที่กำลังไล่แทงกันดุเดือดนั้น (มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไประงับเหตุ เลือกที่จะกระโดดตะครุบเข้าควบคุมตัว กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอันดับแรก ขณะที่มือมีดต่างจ้วงแทง ถีบใส่คนนู้นคนนี้ได้อย่างอิสระ
กว่าเหตุการณ์จะสงบได้ ก็คือช่วงที่ตำรวจรายหนึ่งเข้าไปแยกวงและทำการจับกุม “ผู้ที่ถูกแทงได้รับบาดเจ็บ” กดไว้กับพื้น จนทำให้ถูกคนร้ายที่ลุกยืนขึ้นมาได้ ใช้มีดแทงไปที่ไหล่และสีข้างของตำรวจรายดังกล่าว เท่านั้นแหละคนร้ายถึงค่อยถูกเจ้าหน้าที่คู่หูใช้ปืนพกยิงสยบฤทธิ์
หลักฐานชิ้นนี้มันก็ไปตรงใจกับหลายๆคน ที่เริ่มรู้สึกว่ายุโรปไม่ไหวแล้ว ภาครัฐดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับ “ผู้อพยพ” มากเกินไปแล้ว อัตราประชากรผู้อพยพในเมืองหลวงของประเทศต่างๆเริ่มแตะที่ระดับ 50% ไม่รวมถึงอัตราการก่ออาชญากรรมที่พุ่งสูงโดยเฉพาะคดีผู้อพยพ “ข่มขืน” เด็กและสาวท้องถิ่น
...
และกระแสนี้เหมือนจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย เพราะประวัติศาสตร์ในอดีตแสดงให้เห็นมาแล้วว่า ความ “ชาตินิยม” ของยุโรป ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์เช่นไร!?
ตุ๊ ปากเกร็ด
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม