เมื่อวันที่ 28 เม.ย. สำนักข่าวบีบีซีอังกฤษรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมาในลักษณะของบทความ โดยระบุว่าทิศทางของสงครามในรัฐกะเหรี่ยงได้กลับสู่สภาพความไม่แน่ไม่นอนอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเคเอ็นยู ประสบความสำเร็จในการยึดค่ายทหารกองพัน 275 ของกองทัพเมียนมา ทางตะวันตกของเมืองเมียวดี ด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สถานการณ์จะดูเหมือนว่า กลุ่มเคเอ็นยูประสบความสำเร็จในการยึดครองเมืองเมียวดีทั้งนี้ สำนักข่าวบีบีซีรายงานต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทางกลุ่มเคเอ็นยูไม่ได้เข้าครอบครองเมืองเมียวดี แต่ปล่อยให้กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) กลุ่มประชาชนติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลเมียนมา เป็นฝ่ายเข้ายึดครองฐานทัพกองพันทหารราบที่ 275 ของกองทัพเมียนมา ทั้งยังปล่อยให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และข้าราชการของเมียนมา ทำการกันตามปกติในเมืองเมียวดี เพื่อไม่ให้กระทบกับการค้าขายข้ามพรมแดนจากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ระบุว่าได้รับคำขอจากกองทัพไทยว่าอย่าพยายามสู้รบเพื่อแย่งชิงเมืองเมียวดี เพราะจะกระทบต่อการค้าพรมแดน และส่งผลให้เกิดคลื่นไหลบ่าของผู้อพยพหนีไฟสงครามมายังประเทศไทย ทำให้ต่อมากลุ่มเคเอ็นยูตัดสินใจยอมทิ้งค่ายทหารกองพัน 275 ทางตะวันตกของเมืองเมียวดี ประกอบกับเหตุผลที่ว่ากองทัพเมียนมาได้ส่งหน่วยรบเข้ามาในรัฐกะเหรี่ยงเพื่อปฏิบัติการตีโต้ขนานใหญ่ และทำให้หน่วยรบของเคเอ็นยู ต้องปฏิบัติการซุ่มโจมตีเพื่อถ่วงเวลา ในพื้นที่ห่างจากเมืองเมียวดีไปทางตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตรข้อมูลเบื้องต้นยังทำให้เชื่อได้ว่า ผู้บัญชาการที่นำกำลังกองทัพเมียนมาเข้ามาตีโต้ คือ พล.อ.ซอ วิน ผู้บัญชาการเบอร์ 2 ของกองทัพเมียนมา ที่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมาพักใหญ่ ซึ่งหากทางกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูประสบความสำเร็จในการขับไล่กองทัพเมียนมาออกไปได้ ก็จะถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการเข้าครอบครองเมืองเมียวดี เพียงแต่สิ่งที่จะมีปัญหาตามมาคือ เคเอ็นยูจะแก้ปัญหาเช่นไร ในเรื่องผู้พลัดถิ่นหนีไฟสงครามในรัฐกะเหรี่ยงที่ตัวเลขพุ่งสูงกว่า 700,000 คน (นับตั้งแต่เหตุรัฐประหาร 1 ก.พ.2564) เช่นเดียวกับเรื่องการจัดสรรอำนาจกับ พ.อ.ชิต ตู ผู้บัญชาการกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นเอ ที่เดิมทีใช้ชื่อว่ากองกำลังพิทักษ์ชายแดนบีจีเอฟ เนื่องด้วยทาง พ.อ.ชิต ตู ก็มีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทจากประเทศจีน รวมถึงสมาชิกระดับสูงของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ในเรื่องธุรกิจสถานบันเทิงข้ามพรมแดน นอกเสียจากว่ากลุ่มเคเอ็นยูจะขอความร่วมมือจากไทย ในการยับยั้งธุรกิจดังกล่าว.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่