นับเป็นข่าวใหญ่ช็อกปีใหม่ เมื่อสมเด็จพระราชินีผู้ครองราชย์องค์สุดท้ายของโลกอย่าง “สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่สองแห่งเดนมาร์ก” พระชนมพรรษา 83 พรรษา ทรงประกาศสละราชสมบัติโดยไม่มีใครคาดหมายผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ระหว่างมีพระราชดำรัสพระราชทานพรแก่ประชาชน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการวันที่ 14 ม.ค.2024 ครบ 52 ปี การเสด็จขึ้นครองราชย์
“ข้าพเจ้าตัดสินใจแล้วว่า นี่คือเวลาที่เหมาะสม 52 ปี หลังจากที่ข้าพเจ้าสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะสละราชบัลลังก์ และส่งมอบราชบัลลังก์ให้เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก พระราชโอรสของข้าพเจ้า”
เบื้องหลังการตัดสินพระทัยอย่างฉับพลันครั้งนี้เกิดขึ้นจากความทรมานในการต่อสู้กับพระอาการประชวรมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อต้นปี 2023 ทรงเข้ารับการผ่าตัดพระขนอง (หลัง)
“การผ่าตัดครั้งนั้นทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงอนาคตว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะส่งต่อความรับผิดชอบนี้ให้คนรุ่นต่อไป”
“สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่สองแห่งเดนมาร์ก” ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์เดียวในโลกที่ยังครองราชย์อยู่ และถือว่าครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก เป็นรองก็แต่ “สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์แห่งบรูไน” ซึ่งครองราชย์ยาวนานกว่า 56 ปี ควีนเดนมาร์กเสด็จขึ้นครองราชย์หลังการสวรรคตของพระราชบิดา เมื่อวันที่ 14 ม.ค.1972 ขณะมีพระชนมพรรษา 31 พรรษา แต่เดิมไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ กระทั่งพระชนมพรรษา 13 พรรษา ได้มีการแก้ไขกฎหมายเดนมาร์กอนุญาตให้สตรีขึ้นครองราชบัลลังก์
ด้วยความที่เป็นราชวงศ์ติดดินและหัวสมัยใหม่ จึงจะไม่มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกใหญ่โตเฉกเช่นราชวงศ์โลกอื่นๆ มีเพียงการประกาศการเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการขององค์รัชทายาท “เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก” ซึ่งมีพระชนมพรรษา 55 พรรษา ในวันเดียวกับที่ควีนเดนมาร์กทรงสละราชสมบัติ
...
ตลอดรัชสมัยทรงเป็นที่รักและเคารพของประชาชน พสกนิกรชาวเดนมาร์กเรียกขานพระองค์ตามชื่อเล่นว่า “เดซี” ทรงดำรงอยู่ในจุดสูงสุดของเดนมาร์ก และพระราชกรณียกิจของพระองค์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างอัตลักษณ์ของชาติเดนมาร์ก
ในฐานะพระประยูรญาติสนิท โดยทั้งสองพระองค์เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย “สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่สองแห่งเดนมาร์ก” ทรงยกให้ “ควีนเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร” เป็นไอดอลในการทรงงาน และยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจมหาศาลจากควีนอังกฤษผู้ล่วงลับ
“ข้าพเจ้าประทับใจในตัวควีนเอลิซาเบธที่สองมาก พระองค์ทรงอุทิศทั้งชีวิตเพื่อประชาชนชาวอังกฤษ ข้าพเจ้าเข้าใจทันทีว่าหน้าที่ของข้าพเจ้าคืออะไร นั่นคือทั้งหมดในชีวิตของข้าพเจ้า พ่อแม่ ของข้าพเจ้าบอกว่าให้ดูสิ่งที่ควีนเอลิซาเบธที่สองทำให้อังกฤษ แล้วข้าพเจ้าก็พบว่าตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แม้จะมีงานที่ต้องทำมากมายก็ตาม พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญต่อข้าพเจ้ามาก”
นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความสมถะ โดยมักไปจับจ่ายสินค้าในซุปเปอร์มาร์เกตด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่ยืนเสวยฮอตดอกอยู่ริมถนน ควีนเดนมาร์กยังเป็นประมุขสุดเฟี้ยวที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทรงสูบบุหรี่อย่างเปิดเผย ปฏิเสธการใช้สมาร์ทโฟน และไม่เล่นอินเตอร์เน็ต โดยยืนกรานว่า ข้าพเจ้ามีความสุขดีแม้ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในชีวิต ขณะเดียวกันยังทรงเป็นควีนสายอาร์ตที่สนพระทัยในงานโบราณคดี ทรงเคยรับจ๊อบออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายให้ภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงซีรีส์ดังใน Netflix ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านงานศิลปะและแฟชั่น ถึงขั้นวาดภาพประกอบหนังสือชุด “The Lord of the Rings” มาแล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2022 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อควีนเดนมาร์กทรงถอดพระยศพระราชนัดดา 4 พระองค์ ซึ่งเป็นพระโอรสและพระธิดาของ “เจ้าชายโจอาคิม” เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้มีขนาดเล็กลงตามกระแสสายลมที่เปลี่ยนแปลง ภายหลังได้ออกมาขอโทษลูกหลาน แต่ยังคงยืนกรานไม่เปลี่ยนคำสั่ง.
มิสแซฟไฟร์
คลิกอ่านคอลัมน์ "คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์" เพิ่มเติม