จันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ทำพิธีเปิดให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายแรกของอินโดนีเซีย ชื่อว่า วูช (Whoosh) มาจากคำย่อในภาษาอินโดนีเซียแปลว่า “ประหยัดเวลา การทำงานที่ยอดเยี่ยมที่สุด ระบบไว้วางใจได้” ระยะทาง 142 กม. เชื่อม กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงกับ บันดุง เมืองซิลิคอน วัลเลย์ แห่งอินโดนีเซียทางตะวันตกของเกาะชวา รถไฟความเร็วสูงสายนี้วิ่งด้วยความเร็ว 350 กม.ต่อชั่วโมง สามารถย่นเวลาเดินทางจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองบันดุง จาก 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที อัตราค่าโดยสาร 16—22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 576—800 บาทต่อเที่ยว ชาวอินโดนีเซียร้องว่าแพงมาก ชาวบ้านใช้บริการ ไม่ไหวในอนาคต รัฐบาลอินโดนีเซีย จะขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้จาก บันดุง ไปถึง เมืองสุราบายา เมืองใหญ่อันดับ 2 ทางทิศตะวันออกของเกาะชวารถไฟความเร็วสูงสายแรกของอินโดนีเซีย ก่อสร้างโดย บริษัทไชน่า เรลเวย์ ของจีน ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ใช้เงินลงทุนกว่า 7,300 ล้านดอลลาร์ ราว 269,800 ล้านบาท ใช้เทคโนโลยีจีนทั้งหมด ตั้งแต่ขบวนรถไฟ ระบบเดินรถ ระบบส่งสัญญาณควบคุมรถไฟแบบเรียลไทม์จากหัวเหว่ย รวมทั้งการกำหนดหมายเลขขบวนรถไฟ และหมายเลยกำกับการทำงานอย่างถูกต้องแม่นยำ ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนที่ล้ำหน้ากว่าสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงแม้แต่เส้นทางเดียวรถไฟความเร็วสูงอินโดนีเซีย เป็นรถไฟความเร็วสูงสายที่ 2 ในอาเซียน เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2018 แต่ไปล่าช้าในช่วงโควิดระบาด เพิ่งมาสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2566 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 5 ปี เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ตุลาคม 2566ก่อนหน้านี้ สาธารณรัฐประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้เปิดเส้นทาง รถไฟความเร็วสูงลาว/จีน ไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2564 เป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกในอาเซียน ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 5 ปีเช่นเดียวกันแต่มีระยะทางมากกว่า รถไฟความเร็วสูงลาว/จีน มีระยะทางในลาว 414 กม. เชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงจีนไปยัง นครคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน แต่การก่อสร้างยากกว่า ต้องเจาะอุโมงค์ 75 แห่ง สร้างสะพานอีก 167 แห่ง ใช้เงินลงทุนกว่า 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 199,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2559 สร้างเสร็จสมบูรณ์เปิดให้บริการในวันที่ 3 ตุลาคม 2564วันนี้ ไทยเลยต้องยืมจมูกลาวเพื่อหายใจ ต้องอาศัยรถไฟความเร็วสูงลาว/จีนส่งทุเรียน ผักผลไม้ และสินค้าไทยไปขายยังประเทศจีนได้เห็นเพื่อนบ้านอาเซียนมีรถไฟความเร็วสูงกันสองประเทศแล้ว ทั้งที่เริ่มโครงการทีหลังไทย เห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด เสียดายโอกาสประเทศไทยที่หายไปหลายสิบปี ไทยริเริ่ม โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย/จีน มาตั้งแต่ปี 2553 เมื่อ 13 ปีก่อนในสมัย รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการเซ็นเอ็มโอยูกับรัฐบาลจีนเรียบร้อย ต่อมาปี 2556 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งให้ทบทวนโครงการ ปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิวัติยึดอำนาจโครงการก็หยุดไป จนปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์ใช้ ม.44 ฟื้นโครงการขึ้นมาใหม่ เริ่มประมูลก่อสร้างเฟสแรก กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในปี 2561 ระยะทาง 253 กม. มูลค่า 179,000 ล้านบาท บัดนี้ผ่านไป 5 ปีแล้ว เพิ่งสร้างเสร็จไป 3.5 กม. จากระยะทาง 253 กม. ที่เหลืออีก 600 กว่า กม. ไปถึงหนองคาย ไม่รู้อีกกี่ชาติจึงจะสร้างเสร็จ เห็นแล้วก็เศร้าใจอย่างยิ่งลาวเริ่มก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงปี 2561 พร้อมไทย ระยะทาง 414 กม. ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปีก็เสร็จ เปิดใช้ไปแล้วเมื่อ 3 ตุลาคม 2564 แต่ไทยใช้เวลา 6 ปี เพิ่งสร้างเสร็จไป 3.5 กม. รัฐมนตรีที่รับผิดชอบไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือที่ทำร้ายชาติแบบนี้ปีนี้ 2566 กัมพูชา กำลังเริ่มโครงการรถไฟความเร็วสูง พนมเปญ-ปอยเปต วิ่งมาจ่อไทยอีกประเทศ ถ้ากัมพูชาสร้างเสร็จก่อนสายกรุงเทพฯ-โคราชอีกประเทศ ผมคิดว่า คงต้องมีกฎหมายลงโทษนักการเมืองที่ทำร้ายชาติแบบนี้กันบ้าง เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม