วันเสาร์สบายๆวันนี้ ผมชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวเมือง Bergen ประเทศนอร์เวย์กันนะครับ เบอร์เกนเป็นเมืองที่มีภูเขาสูง 7 ลูกล้อมรอบ ถนนและทางรถไฟของเมืองนี้จึงเต็มไปด้วยอุโมงค์ อุโมงค์ที่ยาวที่สุด 25 กม. อุโมงค์เก่านับร้อยแห่งเป็นอุโมงค์ที่ขุดด้วยฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น ผนังอุโมงค์มีสภาพขรุขระไม่เรียบเหมือนอุโมงค์สมัยใหม่ ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่บริเวณท่าเรือเมืองเบอร์เกน มีย่านท่าเรือเก่าที่ชื่อว่า Bryggen มีบ้านไม้ทาสีสวยงามเรียงรายเป็นแถว เป็นจุดถ่ายรูปของเมืองนี้ที่โด่งดังไปทั่วโลก บ้านสีเหล่านี้เป็นโกดังท่าเรือเก่าที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลก ใครไปเที่ยวเบอร์เกนแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับบ้านสีสวยงามในมุมนี้ ถือว่าไปไม่ถึงเมืองเบอร์เกน
ผมออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเที่ยงคืนกว่า ไปถึง กรุงสตอกโฮล์ม ในช่วงเช้า นัดรถมารับไปเที่ยวเมือง Sigtuna เมืองหลวงเก่าสวีเดนที่มีอายุพันกว่าปี อากาศต้นฤดูร้อนเย็นสบาย เดินชมเมืองแป๊บเดียวก็จบ ไปนั่งจิบกาแฟร้านดังในสวน เป็นเมืองที่สงบเงียบมาก
ผมเดินเล่นสูดอากาศเย็นบริสุทธิ์เต็มปอด นั่งดื่มกาแฟในสวนที่เมือง Sigtuna สองชั่วโมงเศษ ก็กลับไปขึ้นเครื่องเพื่อบินไปยัง Bergen เมืองเป้าหมายหลัก ผมไปถึงเบอร์เกนช่วงบ่ายแก่ๆ เช็กอินโรงแรมเล็กๆในย่าน fish market แล้วก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณท่าเรือและตลาดปลา แล้วไปนั่งรถรางขึ้นเขาที่อยู่เยื้องกับโรงแรม ขึ้นไปที่จุดชมวิวของเมืองเบอร์เกน สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเบอร์เกนได้ทั้งเมือง มีมุมสวยให้ถ่ายรูปมากมาย ผู้คนในเมืองก็ขึ้นไปนั่งเล่นพักผ่อนชมวิวจำนวนมาก
แต่ไฮไลต์ของเบอร์เกนไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้
ไฮไลต์ของเบอร์เกนเป็นวันรุ่งขึ้น เมื่อ Arne ไกด์ท้องถิ่นนิสัยดี พร้อมรถตู้มารับเรา 4 คนตั้งแต่เช้า ขับรถลัดเลาะไปตามอุโมงค์ไหล่เขาและหุบเขา เพื่อไปล่องเรือชม Songe Fjord ที่ได้ฉายาว่า King of Fjords เป็นทะเลที่ลึกเข้ามาในแผ่นดินโอบล้อมด้วยภูเขายาวกว่า 200 กม. ท่าเรือฟยอร์ดอยู่ห่างจากเบอร์เกนสองชั่วโมงเศษ ระหว่างทางเราได้แวะ เมือง VOSS เมืองเล็กๆริมทะเลสาบโวส ในหลวงรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประทับที่นี่เมืองครั้งเสด็จประพาสยุโรป แต่เมืองนี้ไม่ได้ผลิตน้ำแร่ยี่ห้อ VOSS นะครับ ทั้งที่น้ำในเมืองโวสเป็นน้ำที่บริสุทธิ์สะอาดมาก เป็นน้ำที่ละลายจากหิมะบนภูเขา
...
ระหว่างทาง ไกด์อาร์เน่ พาแวะชม น้ำตก tvindefossen ที่เป็นทางผ่าน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มากและสูงมาก ตามตำนานเล่ากันว่า ดื่มน้ำจากน้ำตกนี้แล้วชีวิตจะเป็นอมตะ
เราไปขึ้นเรือชมฟยอร์ดกันที่เมือง Gudvagen มีนักท่องเที่ยวยุโรปไปเที่ยวกันเต็มลำมีชาวเอเชียบ้างแต่ไม่มาก เรือล่องผ่านทะเลที่เจาะลึกเข้ามาในแผ่นดินกว่า 200 กม. สองฟากฝั่งเป็นภูเขาสูง บนยอดเขามีหิมะขาวโพลนที่ยังละลายไม่หมด สองฟากภูเขามีน้ำตกน้อยใหญ่ตกเป็นสายสีขาวสวยงามให้ชมเป็นระยะ ตามไหล่เขามีบ้านเรือนเกษตรกรทาสีสันสวยงามแทรกอยู่กลางทุ่งหญ้าที่เขียวขจี สวยงามดุจภาพวาดจริงๆ
ล่องเรือชมฟยอร์ดชั่วโมงเศษ ก็ไปขึ้นฝั่งที่เมือง Flam เมืองที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่บนยอด เพื่อไปขึ้น รถไฟสายโรแมนติก Flamsbana ตู้โบกี้สีเขียวแก่แต่เบาะนั่งสีแดงสด เพื่อชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามตามเส้นทางรถไฟสายเก่ากว่า 20 กม.
วิวสองข้างทางรถไฟต้องบอกว่าสวยงามจนบรรยายไม่ถูก มีลำธารเล็กใหญ่น้ำไหลแรงคู่กับทางรถไฟไปตลอดเส้นทาง มีน้ำตกสวยให้ชมเป็นระยะ แต่จุดไฮไลต์สุดก็คือ สถานี Kjosfossen อันเป็นที่ตั้งของ น้ำตก Kjosfossen ซึ่งในฤดูหนาวน้ำตกแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง รถไฟจอดที่สถานีนี้ราวสิบนาทีให้ผู้โดยสารลงไปถ่ายรูปชื่นชมกับ น้ำตก Kjosfossen อันสวยงามที่มีขนาดใหญ่มหึมาสูงเกือบ 100 เมตร เมื่อลงจากรถไฟจะได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มแข่งกับเสียงน้ำตก บนภูเขากลางน้ำตก มีหญิงสาวในชุดสีแดงยาวออกมาร่ายรำในท่ายั่วยวน เธอคือ Huldra ที่ตำนานเล่าว่า เป็นผู้หญิงสาวสวยที่ใช้การร้องเพลงเพื่อหลอกล่อผู้ชายให้มีเพศสัมพันธ์กับเธอ ถ้าไม่พอใจเธอก็จะฆ่าทิ้ง
เมื่อจบการแสดง เราก็ขึ้นรถไฟชมวิวต่อไปจนถึงเมือง Myrdal เพื่อต่อรถไฟอีกขบวนไปยังเมือง VOSS เรานัดกับไกด์ที่นั่น เพื่อเดินทางกลับสู่เบอร์เกน เป็นวันที่มีความสุขสุดยอดจริงๆ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”