ถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์ของราชวงศ์จะพบว่าสมาชิกราชวงศ์ยุโรปชอบออกไปล่าสัตว์ป่า ทั้งกวาง หมูป่า นก กระต่าย ฯลฯ การถืออาวุธออกไปล่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าตนเป็นสิ่งที่เอาออกมาอวดมาแสดงต่อกัน

นอกจากการออกไปล่าสัตว์ การออกไปทำสงคราม ก็ทำให้สมาชิกราชวงศ์ยุโรปบางพระองค์ต้องออกไปรบด้วย อย่างสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ใน ค.ศ.1982 เจ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงทำหน้าที่นักบิน อังกฤษส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเฮอร์เมสและอินวินซิเบิล พร้อมเรืออีก 100 ลำ ทหารกว่า 2.5 หมื่นนาย ทหารอาร์เจนตินาตายในสงครามฟอล์กแลนด์ 712 นาย

ในหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับเจ้าหญิงไดอานา ทรงเล่าในหนังสือว่าได้ร่วมรบในอัฟกานิสถานในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ 2 ครั้ง ครั้งแรก ค.ศ.2007-2008 และครั้งที่สอง ค.ศ.2012-2013 ได้ฆ่าเป้าหมาย 25 คน (น่าจะเป็นพวกตอลีบาน) ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ

ในอดีตการล่าอาณานิคมของพวกตะวันตกมีการกำจัดคนพื้นเมืองอย่างน่าเวทนา เช่น 20 กันยายน 1906 กองเรือรบฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) เข้าโจมตีเมืองเดนปาซาร์และเรียกพระราชาแห่งบาดุง (ปัจจุบันคือดินแดนของอินโดนีเซีย) ออกมาเผชิญหน้าที่ท้องพระโรง ราชาแห่งบาดุง พระมเหสี พระบรม วงศานุวงศ์และขุนนางออกมาที่ท้องพระโรงแล้วก็ต้องทำพิธีปูปูตันคือการฆ่าตัวตายแทนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เพื่อรักษาเกียรติยศของการเป็นชาวบาหลี

ร้อยกว่าปีที่แล้ว พวกยุโรปจะใช้วิธีเอากองกำลังไปล้อมและเรียกกษัตริย์ของดินแดนต่างๆ ออกมาเจรจาให้ยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งที่รู้ว่าตามประเพณีของหลายดินแดน ราชาไม่สามารถจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ก็ต้องทำพิธีปูปูตันหรือฆ่าตัวตายหมู่ นอกจากราชาแห่งบาดุงที่ผมเล่าไปแล้ว ยังมีราชาแห่งดาบานัน ราชาแห่งกลุงกุง และอีกหลายองค์ที่ต้องนำมเหสีและสมาชิกราชวงศ์ฆ่าตัวตายหมู่เช่นกัน

...

ค.ศ.1946 ที่เมืองมาร์กา ผู้นำชาวบาหลีระดับท้องถิ่นคนหนึ่งชื่องูระห์ไร ไม่ยอมจำนนต่อพวกฮอลันดา พวกฮอลันดาก็ใช้กองกำลังล้อม เมื่อรู้ว่าต้องแพ้งูระห์ไรก็ต้องทำพิธีฆ่าตัวตาย เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นร้อยเป็นพันครั้งในทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และทวีปอเมริกาใต้ ใครอ่านประวัติศาสตร์ก็จะพบว่า มีการเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำและแก้แค้นกันไม่รู้จักจบสิ้น

ผมคิดว่าเจ้าชายแฮร์รีไม่ควรออกมาเปิดเผยว่าพระองค์ฆ่าคนไปในสงครามเท่านั้นเท่านี้คน เพราะจะทำให้ฝ่ายที่ถูกกระทำโกรธแค้นมากขึ้น และมีแนวร่วมเยอะขึ้น ตัวพระองค์เองก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายจนต้องมีค่าใช้จ่ายในการคุ้มกันมากขึ้น ไม่รู้ว่ารายได้จากการขายหนังสือจะเพียงพอต่อค่ารักษาความปลอดภัยที่ต้องมีเพิ่มขึ้นหรือเปล่า

เท่าที่ทราบ เจ้าชายแฮร์รีแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยว่า ที่ตนเองไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะพระองค์มีสถานะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่เป็นเพราะพระองค์เคยต่อสู้กับพวกกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง เจ้าชายแฮร์รีบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา (พระองค์น่าจะหมายถึงพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรง) และพวกที่เข้าข้างพวกเขา เป็นศัตรูต่อมนุษยชาติ และการสู้รบกับพวกเขาเป็นการแก้แค้นการก่ออาชญากรรมกับมนุษย์ ซึ่งการออกมาแสดงประโยคเหล่านี้อาจจะเป็นการเพิ่มศัตรูให้กับพระองค์และคนอังกฤษที่อยู่กระจายทั่วโลก

เดลีเทเลกราฟรายงานเนื้อหาในหนังสือบันทึกความทรงจำ เจ้าชายแฮร์รีปฏิบัติภารกิจในฐานะนักบินรบ 6 ภารกิจ พระองค์ให้คำจำกัดความการกำจัดเป้าหมายต่างๆ เหล่านั้นว่า เหมือนกับการกำจัดเบี้ยหมากรุกออกจากกระดาน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com