โลกและดาวศุกร์มักถูกเรียกเป็นดาวพี่น้อง เนื่องจากมีขนาดและองค์ประกอบใกล้เคียงกัน แต่ก็แตกต่างกันตรงที่โลกมีปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิต แต่ดาวศุกร์ไม่มี เพราะมีความหนาแน่นที่สุดและร้อนที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง 4 ที่อยู่ห่างดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหลัก มีความดันที่พื้นผิวราว 92 เท่าของความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำทะเลบนโลก อุณหภูมิเฉลี่ยของดาวอยู่ที่ 464 องศาเซลเซียส เมฆหนาแน่นของกรดกำมะถันที่ปกคลุมดาวทั้งดวงก็บดบังทัศนียภาพยามค่ำคืน
เมื่อปี 2518 ยานอวกาศเวเนรา 9 (Venera 9) ที่ไร้มนุษย์บังคับของโซเวียต ได้แยกปล่อยยานลงจอดไปจอดบนดาวศุกร์แต่อยู่รอดได้เพียง 53 นาที ก่อนจะอวสานตัวเองถาวรยานได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเมฆ การแผ่รังสีของแสง อุณหภูมิ เคมีในชั้นบรรยากาศ และภาพแรกที่ถ่ายพื้นผิวของดาวศุกร์ ส่งกลับมายังโลก ล่าสุด นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา เผยว่าได้รวมข้อมูลต่างๆที่ผ่านมาและวิเคราะห์ข้อมูลจากยานอวกาศแมกเจลแลน (Magellan) เป็นยานโคจรรอบดาวศุกร์ขององค์การนาซาเมื่อช่วงทศวรรษ 1990 เพื่อคำนวณความหนาของเปลือกดาวศุกร์ ผลลัพธ์ที่ได้บ่งชี้ว่าแม้จะมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่โลกและดาวศุกร์ก็มีการไหลของความร้อนที่ใกล้เคียงกันและความหนาของธรณีภาคที่ใกล้เคียงกัน และดาวศุกร์อาจคล้ายคลึงกับโลกในช่วงมหายุคอาร์เคียน 4,000-2,500 ล้านปีก่อน
ภารกิจสังเกตการณ์ดาวศุกร์ที่จะมาถึงในทศวรรษนี้ น่าจะนำไปสู่การประเมินแนวคิดใหม่ของลักษณะพื้นผิวดาวศุกร์ ตลอดจนวิวัฒนาการเนื้อโลก โดยอาจมีนัยถึงการก่อกำเนิดระบบสุริยะในระยะแรกด้วยซ้ำ.
Credit : Pixabay/CC0 Public Domain