เป็นเรื่องประหลาดดีที่เวทีการประชุมผู้นำโลกช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของ “ความมั่นคง” เหนือสิ่งอื่นใด

ทั้งที่ตามตรรกะแล้วถือเป็นช่วงที่ควรให้ความสนใจกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูการค้าขาย และการสัญจร หลังสถานการณ์โควิด-19 พอจะทุเลาลงบ้าง บรรยากาศเก่าๆ เหมือนจะกลับมา

แต่อย่างว่าลูกพี่ใหญ่สหรัฐอเมริกา ออกโรงนำทัพชาติตะวันตกขับเคลื่อนสร้าง “ระเบียบโลกใหม่” เสียขนาดนั้น จึงเป็นเป้าหมายที่หวานหอมกว่า เพราะหากกำหนดทิศทางโลกได้ การกำหนดเรื่องอื่นก็ไม่เหลือบ่า กว่าแรงและชาติกำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมถึงประเทศไทยเราก็ต้องโชว์ความสามารถลู่ตามลม ขวางไม่ได้

อย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีอยู่บ้าง ที่ข่าวสารก็ไม่ได้เต็มไปด้วยความตึงเครียดเพียงอย่างเดียว มีรายงานมาว่า นายมาร์ทิน คอคเคอร์ รมว.แรงงานและเศรษฐกิจของ “ออสเตรีย” บินมาลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ข้อมูลของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศระบุว่า ออสเตรียเป็นตลาดส่งออกสินค้าไทยเป็นอันดับที่ 13 ในยุโรป ที่กำลังเติบโตเลยคือ อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 146% รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบเพิ่ม 51% เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เกือบ 8% ส่วนที่เรานำสินค้าจากบ้านเขาคือแผงวงจรไฟฟ้า เวชภัณฑ์ นำเข้ามากขึ้น 79% และเกือบ 8% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อน

จากรายละเอียดของบันทึกความเข้าใจนั้น ส่วนที่ออสเตรีย-ไทยจะเพิ่มความร่วมมือ เพื่อผลักดันการขยายตัวการค้าการลงทุนคือ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์ 2.บริการด้านการบริหารจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 3.การเกษตรอินทรีย์ 4.เศรษฐกิจหมุนเวียน 5.เมืองอัจฉริยะ 6.วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (SMEs) 7.สตาร์ตอัพ 8.การพัฒนากำลังคน 9.อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ 10.เทคโนโลยีสิ่งทอ

...

และก็ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีออสเตรียจะได้ความประทับใจกลับไปหรือไม่ หลังได้เยี่ยมชมสินค้าต่างๆของไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก น้ำจิ้มไก่ เครื่องแกง ข้าวหอมมะลิ เงาะ มะม่วง ซึ่ง เรากำลังพยายามสร้างซอฟต์เพาเวอร์ด้านอาหารอยู่พอดี ซึ่งส่วนตัวก็หวังว่าคุณคอคเคอร์ จะมีความประทับใจอะไรกลับไปบ้าง

ผูกมิตรไว้ดี คนไทยก็มีโอกาสมากขึ้นครับ ใครจะตีกันช่วงนี้ เราชมอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ จะเป็นการดีกว่า สถานการณ์ดูเหมือนจะแรง ขึ้นเรื่อยๆ กระโดดขึ้นเวทีไปมีแต่จะเจ็บตัว.

ตุ๊ ปากเกร็ด