มีเสียงเรียกร้องให้เปิดฟ้าส่องโลกรับใช้เรื่องรัสเซียให้มากกว่านี้ เพราะข่าวสารปัจจุบันสับสน ใครจะผลิตข่าวอะไรก็เขียนแล้วก็ส่งไปในโซเชียลมีเดีย จะถูกหรือจะผิดไม่ได้สนใจกันแล้วละครับ สนใจแต่เพียงว่าเขียนให้หวือหวา มีผู้ติดตามมากๆ เป็นพอ

ถามว่าใครยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ผู้ที่พลิกให้รัสเซียเข้มแข็งขึ้น สำหรับผม ผมว่าบุคคลแรกคือพระเจ้าปีเตอร์มหาราช (1672-1725) พระองค์ทำให้รัสเซียเป็นมหาอำนาจแห่งยุโรป

คนที่สองน่าจะเป็นวลาดิมีร์ อิลยิช อูลยานอฟ เลนิน (1870-1924) ผู้นำคนแรกของสหภาพโซเวียต ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคแรงงานสังคมประชาธิปไตยรัสเซีย ผู้นำพรรคบอลเชวิก ผู้โค่นอำนาจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเคเรนสกี ผู้วางรากฐานอำนาจของรัฐโซเวียตสังคมนิยมและพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย

คนที่สามคือ มิฮาอิล เซรเกเยวิช กอร์บาชอฟ (1931-2022) ประธานาธิบดีสหภาพโซเวียตและประธานคณะผู้บริหารสูงสุดของรัฐสภาโซเวียตแห่งสหภาพโซเวียต ผู้เริ่มนโยบายเปิด-ปรับ หรือกลาสนอสต์-เปเรสตรอยกา เพื่อปฏิรูประบบเศรษฐกิจ การเมือง และความร่วมมือกับนานาประเทศ คนนี้ที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย

คนที่สี่ที่มีการพูดถึงกันมากคือ วลาดิมีร์ วลาดีมีโรวิช ปูติน (1952-) นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ทว่าขณะนี้บทบาทของปูตินยังไม่สิ้นสุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่ทำให้รัสเซียเป็นประเทศเข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ค.ศ.1992 เยลต์ซินตั้งไกดาร์เป็นรองประธานาธิบดีดูแลด้านเศรษฐกิจ ไกดาร์เชื่อสหรัฐฯและตะวันตกอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ไกดาร์คิดว่าเมื่อเลิกเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ประเทศยุโรปทั้งหลายจะต้อนรับรัสเซียเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย เพื่อช่วยกันพัฒนายุโรป เมื่อสหรัฐฯและยุโรปแนะนำให้ลอยตัวราคาสินค้า อย่าอุดหนุนเหมือนสมัยคอมมิวนิสต์ ไกดาร์ก็ทำตาม เริ่มลอยตัวราคาสินค้าเมื่อ 2 มกราคม 1992 ผ่านไปไม่ถึงเดือน ราคาสินค้าสูงจากเดิมร้อยละ 250

...

มีนาคม 1992 สินค้าทุกประเภทขึ้นราคามากถึงร้อยละ 900 หลังจากนั้นก็ขึ้นเป็นหลายพันเปอร์เซ็นต์ คนที่มีเงินเดือนสูงในตอนนั้นก็ประมาณ 700-1,000 บาท ส่วนประชาชนคนทั่วไปรายได้ไม่ถึง 250 บาทต่อเดือน คนที่แย่ที่สุดคือพวกที่รับบำนาญ เงินบำนาญที่เคยใช้ได้ภายใน 1 เดือน กลับซื้ออาหารกินได้ไม่ถึง 1 วัน คนงานสมัยนั้นส่วนใหญ่ไม่ได้เงินเดือน โรงงานเอาผลผลิตมาจ่ายเป็นค่าจ้าง เช่น โรงงานทำชุดชั้นใน ก็เอาชุดชั้นในมาจ่ายเป็นค่าจ้าง เราจึงเห็นคนที่ยืนอยู่ริมถนนเป็นแถวแนวยาว 4-5 กิโลเมตร ทุกคนถือมีดพกกระจกเงากระเป๋าหิ้วแว่นตานาฬิกาฟันปลอมยืนขายหรือแลกกับสินค้าอย่างอื่น เป็นช่วงที่มนุษย์เกินหนึ่งร้อยล้านคนที่มีชีวิตเหมือนตกนรก

หนึ่งในมนุษย์ที่อยู่ในกรุงมอสโกและได้สัมผัสชีวิตที่ยากลำบากด้วยตนเองด้วยก็คือคุณพ่อของผมเอง มนุษย์อีกคนหนึ่งซึ่งลาออกจากราชการเมื่อสิงหาคม 1991 คือปูติน ลาออกแล้วก็ตกงาน ถึงขนาดต้องขับแท็กซี่หาเงินซื้ออาหารใส่ท้องของตนและลูกในนครเลนินกราด

ปูตินเคยเป็นสายลับอยู่ที่เยอรมนีนาน 6 ปี (1985-1991) ตำแหน่งสุดท้ายคือผู้ช่วยหัวหน้าแผนกหน่วยงานเคจีบีที่เมืองเดรสเดิน ทำหน้าที่หาแหล่งข่าวและสืบล้วงข้อมูลลับทางเทคโนโลยีจากประเทศตะวันตก วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้แล้วส่งกลับมาที่ศูนย์กลางเคจีบีที่กรุงมอสโก

ขณะที่ประธานาธิบดีเยลต์ซินและรองประธานาธิบดีไกดาร์ละเมอเพ้อพกว่าตัวเองจะพารัสเซียให้เป็นส่วนหนึ่งของยุโรปแต่ปูตินซึ่งอยู่ในเยอรมนีและสัมผัสได้ในสิ่งที่อยู่ใต้สมองของพวกเยอรมันและยุโรปตะวันตก ปูตินแน่ใจว่าพวกยุโรปตะวันตกไม่มีทางรับรัสเซียเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ รัสเซียเป็นเหมือนคนบ้านนอกที่พวกยุโรปตะวันตกมองว่าห่างไกลความเจริญ แต่ขณะเดียวกันก็กลัว เพราะรัสเซียมีที่ดินเยอะ มีทรัพยากรธรรมชาติมาก มีโอกาสพัฒนามาแข่งกับพวกตน

พรุ่งนี้มาว่ากันต่อครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com