ก่อนหน้าสงครามยูเครน-รัสเซียที่มีกำหนดครบ 200 วัน ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ธนาคารโลก รัฐบาลยูเครน และคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปเปิดเผยสถิติความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า การรุกรานของรัสเซียสร้างความเสียหายแก่ประเทศยูเครนคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 97,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 3.49 ล้านล้านบาท และสร้างความสูญเสียต่อโอกาสทางเศรษฐกิจและการผลิตเป็นมูลค่า 252,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 9.07 ล้านล้านบาท
การรวบรวมข้อมูลสถิติยังพบด้วยว่า จนถึงวันที่ 1 มิ.ย. ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูประเทศยูเครน จะมีมูลค่าสูงถึง 349,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 12.56 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูเครน ในจำนวนนี้ 105,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.78 ล้านล้านบาท จะต้องใช้ในการฟื้นฟูระยะสั้น เช่นซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล
นอกจากนี้ การประเมินยังเชื่อว่า อัตราความยากจนของยูเครนจะเพิ่มจาก 2 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็น 21 เปอร์เซ็นต์ เนื่องด้วยประชากรอย่างน้อย 1 ใน 3 กลายเป็นผู้พลัดถิ่น ขณะที่ธนาคารโลกระบุว่ายูเครนจำเป็นต้องได้รับงบประมาณสนับสนุนจากต่างชาติไปจนถึงปี 2566 เช่นเดียวกับรัฐบาลยูเครนที่ประเมินตัวเลขว่า จำเป็นต้องได้รับงบสนับสนุน 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 180,000 ล้านบาท
วันเดียวกัน นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกแถลงการณ์ถึงความคืบหน้าปฏิบัติการตีโต้ขับไล่รัสเซียของกองทัพยูเครน ระบุว่าหน่วยรบยูเครนประสบความสำเร็จในการเจาะแนวป้องกันของรัสเซียในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีความเป็นไปได้ว่าจะรุกถึงเส้นขนส่งเสบียงของกองทัพรัสเซียในอีกไม่ช้า ทั้งยังสามารถปลดปล่อยเมืองและหมู่บ้านต่างๆได้หลายสิบแห่ง
อย่างไรก็ตาม รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า เป้าประสงค์หลักในการตีโต้ของยูเครนคือการทวงคืนจังหวัดเคียร์ซอนทางภาคใต้ ทว่าหลังปฏิบัติการผ่านไปประมาณ 3 วัน รัฐบาลยูเครนชี้แจงว่า จุดประสงค์การตีโต้ไม่ใช่ทวงคืนดินแดน แต่เพื่อทำลายกองทัพรัสเซีย ส่วนในพื้นที่ทะเลดำมีรายงานเรือกู้ระเบิดของกองทัพเรือโรมาเนียแล่นชนกับระเบิดในทะเล ระหว่างปฏิบัติการ แรงระเบิดสร้างความเสียหายต่อกาบท้ายเรือ แต่ลูกเรือ 75 นาย ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สื่อท้องถิ่นสเปนรายงานว่า ธัญพืชยูเครนกว่า 38 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 900,000 ตัน จากทั้งหมด 2.3 ล้านตัน ได้ถูกขนส่งไปยังยุโรปแทนที่จะถูกส่งไปเยียวยาภาวะอาหารขาดแคลนในแอฟริกาตามเสียงเรียกร้องของสหประชาชาติ.
...