สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน กล่าวในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ชุดที่ 13 ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ย้ำเตือนถึงความท้าทายใหม่ๆ ในโลก ที่ส่งผลกระทบด้านลบ มีความซับซ้อน การเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การบุกยูเครนของรัสเซียที่รุนแรงส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายที่ขยายใหญ่ขึ้นจากทางการในปีนี้ เพื่อบรรลุความยั่งยืนของเศรษฐกิจจีน

นายหลี่ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนเป็นสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัส สิ่งสำคัญเร่งด่วนคือต้องสนับสนุนให้รัสเซียและยูเครนเจรจาหยุดยิง โดยไม่ตอบคำถามว่าจีนจะหลีกเลี่ยงการประณามไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไรก็ตามหรือไม่ รวมถึงจีนได้หาทางช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการเงินแก่รัสเซียหลังถูกคว่ำบาตรหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้รัสเซียเป็นชาติที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก ที่ผ่านมาจีนยืนหยัดไม่ประณามการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย หรือแม้แต่เรียกว่า “การบุกรุก” และยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ที่จีนมองว่าขัดต่อกฎหมาย

ในด้านเศรษฐกิจนายหลี่กล่าวว่า หลังจากการขยายตัว 8.1 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว แต่การบรรลุเป้า หมายการเติบโตที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามรัฐบาลตั้งเป้าสร้างงานใหม่ถึง 13 ล้านตำแหน่งในปีนี้ หลังจากอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว จากการก่อสร้างชะงักตัวหลังรัฐบาลออกมาตรการควบคุมหนี้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีแผนลดภาษีธุรกิจและค่าธรรมเนียม รวมทั้งคืนภาษีเป็นจำนวนเงินรวม 2.5 ล้านล้านหยวน เพื่อธุรกิจรายย่อยที่ถูกกระทบอย่างหนักจากโควิด

...

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจีนยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนที่กำหนดขึ้นภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสหรัฐฯอ้างว่าใช้มาตรการนี้เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน และกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายควรสื่อสารกันมากขึ้นหลังการประชุมสุดยอดผ่านระบบออนไลน์เมื่อปลายปีที่แล้วระหว่าง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน และ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ นายหลี่ไม่ได้ระบุถึงการประนีประนอมหรือให้แนวทางอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเด็นนี้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายหลี่ซึ่งถือเป็นผู้บริหารอันดับ 2 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รองจากประธานาธิบดีสี ยังได้กล่าวยืนยันว่าจะลงจากตำแหน่ง หลังจากหมดวาระที่ 2 ในเดือน มี.ค.ปี 2566 ตามที่กำหนดไว้ โดยระบุว่า นี่เป็นปีสุดท้ายที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่มีการคาดการณ์ว่านายสี จะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปเป็นสมัยที่ 3.